นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มองว่ามาตรการชิมช็อปใช้ อาจไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีได้มากนักว่า มาตรการดังกล่าวยังเพิ่งเริ่มต้น ดังนั้นต้องรอประเมินผลที่จะมีต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ก่อนว่าจะออกมาอย่างไร ทั้งนี้ ยอมรับว่าเศรษฐกิจโลกในขณะนี้มีปัญหา ส่งผลกระทบต่อหลายประเทศและหลายกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะภาคการส่งออก ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบกำลังเร่งดำเนินการแก้ไข
อย่างไรก็ดี รมว.คลัง มองว่ายังไม่มีความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องออกชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยขณะนี้ กระทรวงการคลังได้มีการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวมทุกสัปดาห์ ถ้ามีความจำเป็นจริงๆ จึงจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
"มองว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้แย่อย่างที่หลายฝ่ายวิตก ชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้ออกมาในตอนนี้ เป็นการเน้นกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ และยังต้องรอประเมินผลก่อนให้ชัดเจนก่อน" รมว. คลัง กล่าว
ส่วนเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจที่ 3% ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ตั้งไว้นั้น กระทรวงการคลังก็มีหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนสุดท้ายแล้วผลจะออกมาเป็นอย่างไร ก็คงต้องรอประเมินกันอีกครั้ง
"ชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะออกมาแต่ละครั้ง มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เหตุการณ์ภาพรวมขณะนั้น ตอนนี้เราประเมินแล้วว่าเศรษฐกิจโลกไม่ค่อยดี เราไม่ประมาทตั้งแต่ต้น ก็ได้ออกชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวออกมา เพื่อประคองเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าต่อไปได้ ถ้าเหตุการณ์เศรษฐกิจโลกในภาพรวมดีขึ้น ปีหน้าเราก็พร้อมเดินหน้าต่อได้ทันที" รมว.คลังระบุ