"ศักดิ์สยาม"ประกาศเดินหน้าโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายคาดช่วยดัน GDP ไทย-เมียนมา

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 3, 2019 18:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานร่วมฯฝ่ายไทยในการประชุมคณะกรรมการประสานงานร่วมระหว่างไทย-เมียนมา เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่ที่เกี่ยวข้องครั้งที่ 9 (JCC ) ว่า ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและพิจารณาความคืบหน้าการดำเนินงานการพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย และพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง และร่วมหารือถึงแนวทางการพัฒนากลไกความร่วมมือสามฝ่าย (เมียนมา-ไทย-ญี่ปุ่น) เพื่อเร่งรัดการพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายให้ดำเนินการได้ตามเป้าหมาย

รมว.คมนาคม ยืนยันว่ารัฐบาลไทยจะมีการผลักดันโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายต่อไป เนื่องจากการดำเนินการในโครงการดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในแผนการพัฒนายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของประเทศไทย และยืนยันว่าประเทศไทยให้ความสำคัญกับโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายเป็นลำดับต้นๆ เพราะการเร่งรัดพัฒนาโครงการทวายถือเป็นการพัฒนาที่จะนำมาสู่ความเปลี่ยนแปลงของอาเซียน

สำหรับผลที่คาดว่าจะเกิดต่อเมียนมาและไทยหลังการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวายและเส้นทางคมนาคมขนส่งตามแนวระเบียงเศรษฐกิจนี้คาดว่าจะส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์มวลรวมการผลิตของประเทศ (GDP) ของเมียนมาจะโต 4.8% และของไทยจะเติบโตเพิ่ม 1.9% โดยคาดว่าจะมีมูลค่าการค้ารวมตลอดแนวระเบียงเศรษฐกิจนี้สูงถึง 4 ล้านล้านบาท หรือ 1.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐต่อปี

รมว.คมนาคม กล่าวว่า รัฐบาลไทย-เมียนมา จะมีการหารือร่วมกันในการพัฒนาทวายต่อไป มีเป้าหมายที่จะผลักดันให้โครงการทวายเกิดขึ้นโดยเร็ว และในกลางปี 63 จะมีการประชุมร่วมกันเพื่อผลักดัน โดยประโยชน์ในการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวายจะเป็นการเปิดช่องทางลัดโลจิสติกส์ฝั่งตะวันตกของภูมิภาค เชื่อมโยงแนวระเบียงเศรษฐกิจระหว่างเมียนมา–ไทย–กัมพูชา– เวียดนาม สู่ตลาดฝั่งตะวันตก ทั้งนี้จะช่วยลดระยะเวลาและต้นทุนในการค้า การขนส่งระหว่างประเทศ

การพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวายดังกล่าวจะเป็นการเปิดพื้นที่เศรษฐกิจแห่งใหม่ ถือเป็นทางเลือกสำหรับการตั้งฐานทางธุรกิจใหม่ รวมถึงเป็นโอกาสในการขยายฐาน การผลิต ของอาเซียน อุตสาหกรรมเชื่อมโยงกิจกรรมตามห่วงโซ่อุปทาน กับพื้นที่เศรษฐกิจอื่นๆ ของไทย และภูมิภาค และเป็นพื้นที่รองรับฐานการผลิตที่ใช้แรงงานเข้มข้น เป็นปัจจัยสำคัญในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของเมียนมาสู่ภาคอุตสาหกรรมและบริการ พัฒนา เศรษฐกิจในระดับพื้นที่ให้เติบโตและเข้มแข็ง

ทั้งนี้ เชื่อว่าจะเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งจากการลงทุนด้านการก่อสร้าง อุตสาหกรรม การผลิตไฟฟ้า การค้า การขนส่ง การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่นอกเหนือจากการจ้างงานในพื้นที่แล้ว ยังมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน ไฟฟ้า ประปา บริการสาธารณสุข เป็นต้น ซึ่งจะยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนเมียนมาและส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ที่ใกล้เคียง

เมื่อรวมถึงการลงทุนต่อเนื่องในระยะยาวเขตเศรษฐกิจพิเศษและท่าเรือน้ำลึกทวาย ถือส่วนหนึ่งของแผนแม่บทการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่ง อาเซียน (ASEAN Connectivity) และเส้นทางเชื่อมประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงกับอินเดีย (Mekong-India Economic Corridor) เป็นการเปิดเส้นทาง การค้าและประตู เชื่อมเศรษฐกิจฝั่งตะวันตกแห่งใหม่ของภูมิภาค ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง หรือ Greater Mekong Sub-region (GMS) สร้างทางลัดโลจิสติกส์เชื่อมโยงอาเซียนกับ โลกตะวันออกและโลกตะวันตก สู่ตลาดในเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป

สำหรับท่าเรือน้ำลึกทวายเป็นท่าเรือที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศเมียนมา พื้นที่บริเวณดังกล่าวในปัจจุบันมีการธุรกิจด้านยาง น้ำมันปาล์ม เหมืองแร่ การประมง ท่องเที่ยว และการค้า จากประเทศไทยมีถนนมอเตอร์เวย์เชื่อมจากกรุงเทพไปจังหวัดกาญจนบุรี ข้ามพรมแดนไทยเมียนที่ด่านบ้านพุน้ำร้อน จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งปัจจุบันได้มีการประกาศเป็นจุดผ่านแดนถาวรเมื่อปี 56 ท่าเรือน้ำลึกทวายเป็นโครงการที่อยู่ในแนวระเบียงเศรษฐกิจใต้ตามกรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง หรือ GMS เชื่อมโยงเมียนมา ไทย กัมพูชา และเวียดนามตอนใต้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ