กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) คาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในปี 62 เพิ่มขึ้นในทุกประเภทน้ำมัน ส่วนหนึ่งมาจากราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำ แต่ในส่วนของก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) คาดว่าความต้องการใช้ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ส.ค.) การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เพิ่มขึ้น 3.9% และกลุ่มดีเซล เพิ่มขึ้น 1.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การใช้ LPG เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการใช้ของภาคปิโตรเคมี ส่วนการใช้ในภาคอื่น ๆ ปรับลดลงต่อเนื่อง
ทั้งนี้ คาดการณ์การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในปี 62 สำหรับกลุ่มเบนซิน จะเพิ่มขึ้น 3.7% มาที่ 32.19 ล้านลิตร/วัน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในกลุ่มแก๊สโซฮอล์ 3.9% ส่วนเบนซิน ลดลง 3.9% ขณะที่ในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน อยู่ที่เฉลี่ย 32.12 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 3.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของน้ำมันกลุ่มเบนซินเกือบทุกชนิด ยกเว้นน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 91 โดยแก๊สโซฮอล์ E20 มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นมากที่สุดเนื่องจากมีราคาต่ำกว่าแก๊สโซฮอล์ 95 เฉลี่ยอยู่ที่ 2.97 บาท/ลิตร จึงจูงใจให้ผู้บริโภคหันมาใช้เพิ่มขึ้น ส่วนแก๊สโซฮออล์ 91 มีปริมาณการใช้ที่ลดลง 5% เนื่องจากราคาแก๊สโซฮอล์ 91 และแก๊สโซฮอล์ 95 ใกล้เคียงกันโดยมีส่วนต่างเพียง 0.27 บาท/ลิตร ทำให้ผู้บริโภคเลือกใช้น้ามันที่มีค่าออกเทนสูงกว่า
ส่วนกลุ่มดีเซล คาดว่าจะมีปริมาณการใช้ในปี 62 เพิ่มขึ้น 7.9% มาที่ 71.68 ล้านลิตร/วัน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่ม ยกเว้นดีเซลพื้นฐานที่คาดว่าจะลดลง ขณะที่ในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล อยู่ที่เฉลี่ย 64.92 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 1.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยน้ามันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา B7 มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 62.13 ล้านลิตร/วัน ลดลง 2.6% น้ามันดีเซลหมุนเร็ว B10 มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 0.005 ล้านลิตร/วัน และน้ามันดีเซลหมุนเร็ว B20 มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 2.78 ล้านลิตร/วัน โดยการใช้ B10 และ B20 ภาครัฐได้ใช้มาตรการกำหนดส่วนต่างราคาขายปลีกให้ถูกกว่า B7 อยู่ที่ 1 และ 5 บาท/ลิตร ตามลำดับ
สำหรับน้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A-1) คาดว่าจะมีการใช้เฉลี่ยในปีนี้ 20.48 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 6.7% โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ มีการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 19.30 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 0.1%
ด้านการใช้ LPG ประมาณการว่าปีนี้การใช้จะลดลง 5.1% มาที่ 16.95 ล้านกิโลกรัม (กก.)/วัน โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ มีการใช้เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 17.97 ล้านกก./วัน เพิ่มขึ้น 1.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของการใช้ภาคปิโตรเคมี มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 7.50 ล้านกก./วัน คิดเป็น 12.1% สำหรับการใช้ในสาขาอื่น ๆ มีปริมาณการใช้ลดลง โดยภาคครัวเรือน มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 5.79 ล้านกก./วัน คิดเป็น 2.3% ภาคอุตสาหกรรม มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 1.81 ล้านกก./วัน คิดเป็น 3.4% และภาคขนส่งลดลงมากที่สุด มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 2.87 ล้านกก./วัน คิดเป็น 12.0%
ขณะที่การใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) ประมาณการว่าในปีนี้จะมีการใช้ลดลง 8.5% มาที่ 5.58 ล้านกก./วัน โดยในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ มีการใช้เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 5.55 ล้านกก./วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 11.1% โดยการใช้ NGV ลดลงเนื่องจากมีการปรับราคา NGV สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลทั่วไปให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ประกอบกับนโยบายส่งเสริมการใช้น้ามัน B20 สำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ทำให้ประชาชนและรถบรรทุกสินค้าหันไปใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์และดีเซล B20 ทดแทน ส่งผลให้สถานีบริการ NGV นอกแนวท่อทยอยปิดตัวลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ส่วนการนำเข้าน้ำมันดิบเฉลี่ย 8 เดือนแรกปีนี้ อยู่ที่ 916 พันบาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราลดลง 5.0% โดยมีมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบคิดเป็น 59,648 ล้านบาท/เดือน ส้าหรับน้ำมันสำเร็จรูปมีปริมาณนำเข้าเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 80 พันบาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 23.1% และมีมูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 5,270 ล้านบาท/เดือน โดยพบว่ามีการนำเข้าน้ำมันเบนซิน ดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา และน้ำมันอากาศยานเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่มีการนำเข้า LPG ลดลง เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวมีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น และ Emergency Shutdown ทำให้ต้องลดปริมาณการนำน้ำมันดิบเข้ากลั่นกระทบต่อปริมาณการผลิตของผลิตภัณฑ์ทุกชนิดรวมถึง LPG ด้วย ทำให้ต้องมีการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป เพื่อไม่ให้กระทบต่อความต้องการใช้ในประเทศ
ด้านการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปี 61 อยู่ที่ 166 พันบาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 18.6% โดยมีมูลค่าการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปเฉลี่ย 11,283 ล้านบาท/เดือน โดยพบว่า มีการส่งออกน้ำมันเบนซิน ดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา และ LPG ลดลง ในขณะที่มีการส่งออกน้ำมันอากาศยานและก๊าดเพิ่มขึ้น