นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ว่า หากผู้ชนะการประมูล คือ กลุ่มกิจการร่วมค้า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (กลุ่ม CPH) ไม่ฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาที่กำหนดเซ็นสัญญาในวันที่ 15 ต.ค.นี้นอกจากจะถูกยึดเงินประกัน ยังจะถูกพิจารณาเป็นผู้ละทิ้งงาน และโดนขึ้นบัญชีไม่ให้ประมูลงานกับภาครัฐอีกต่อไป ผลเสียมากมายมหาศาล และยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะเมื่อผู้ชนะการประมูล ไม่ดำเนินการ ภาครัฐต้องไปเรียกผู้ชนะการประมูลอันดับ 2 มาแทน ซึ่งราคาที่เสนอมาแพงกว่าของผู้ชนะรายแรกประมาณ 5-6 หมื่นล้านบาท ส่วนต่างตรงนี้ กลุ่ม CPH ต้องจ่าย
ทั้งนี้ เมื่อเห็นราคาของคู่แข่งรายอื่นสูงกว่ามาก แล้วจะมาตั้งเงื่อนไขเพิ่มเติม เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ เพราะภาครัฐทำตามกฎกรอบการประมูล ฝ่ายเอกชนก็ต้องทำตามด้วย
"ต้องทำความเข้าใจว่างานสร้างรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน เป็นงานที่มีความสำคัญมาก เป็นประตูสู่ EEC ซึ่งความคืบหน้าของโครงการรถไฟ จะเป็นสิ่งยืนยันความจริงจังที่รัฐบาลมีต่อโครงการ EEC ดังนั้น โครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ก็ต้องเกิด เช่นเดียวกับการสร้างท่าเรือ และสาธารณูปโภคอื่น สมัยพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัน และพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ประเทศไทย มีโครงการอีสเทิร์น ซีบอร์ด เป็นที่เชิดหน้าชูตา วันนี้ในยุคของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านจะเป็นผู้ก่อตั้ง EEC คนสำคัญ ซึ่งโครงการดังกล่าวจะมีบทบาทต่อเศรษฐกิจไทยในอนาคต นี่จะเป็นตำนานของท่าน และท่านเอาจริงกับโครงการนี้"
นายอนุทิน กล่าวย้ำว่า ทางภาครัฐมีความพร้อมเต็มที่ในการอำนวยความสะดวกให้แก่เอกชนผู้ชนะประมูล เพียงแต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามเงื่อนไขสัญญา