นายกฯ ยืนยัน "ชิมช้อปใช้" ไม่เอื้อประโยชน์ใคร กำลังคิดมาตรการใหม่ เพิ่มการหมุนเวียนเงินให้มากขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Friday October 4, 2019 17:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวผ่านรายการ Government weekly ผ่านทางเฟซบุ๊ก "ไทยคู่ฟ้า" โดยมีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งการออกรายการของ พล.อ.ประยุทธ์ ในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 จากที่ครั้งแรกเป็นการสรุปภารกิจการเยือนสหรัฐอเมริกา ในระหว่างวันที่ 21-27 ก.ย.ที่ผ่านมา

โดยในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 มาโดยตลอด แต่ปัญหามาจากหลายสาเหตุทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศ เช่น ปัญหาการจราจร การเผาวัชพืช การปล่อยควันจากโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงจากการก่อสร้าง นอกจากนี้ ยังมีปัญหาหมอกควันจากต่างประเทศด้วย ซึ่งรัฐบาลตระหนักดีว่าปัญหาฝุ่นละอองนี้ เป็นอันตรายต่อประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กทารก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ

ทั้งนี้ ขอให้ทุกคนอย่าตื่นตระหนกกับปัญหาและต้องสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติแผนปฏิบัติการลดปัญหาปัญหาฝุ่นละออง ที่กำหนดการแก้ปัญหาไว้ 4 มาตรการ และได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายเป็นอย่างดี ซึ่งทุกพื้นที่ทั่วประเทศรวมถึงกรุงเทพมหานครได้มีการรายงานสถานการณ์ และการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องขอความร่วมมือจากประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบด้านการจราจร เพราะภาครัฐต้องเข้มงวดเรื่องของยานพาหนะที่มีควันดำ และคำนึงถึงประชาชนที่ต้องได้รับผลกระทบด้วย จึงได้กำชับให้ใช้มาตรการอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ แม้ภาครัฐมีหน้าที่ดูแลในด้านต่างๆ แต่การได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เป็นสิ่งที่จะทำให้การแก้ปัญหาสามารถเดินหน้าไปได้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้ปัญหาฝุ่นละอองจะคลี่คลายลงไป แต่ทุกฝ่ายจะต้องไม่ประมาท เพราะปัญหาฝุ่นละอองจะเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคมที่เป็นช่วงฤดูหนาว จะมีความกดอากาศทำให้เกิดปัญหาฝุ่นละออง ซึ่งจะต้องมีการเตรียมการรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวเช่นเดียวกับเมืองใหญ่อื่นๆ ทั่วโลก

สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ "ชิม ช้อป ใช้" นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาการลงทะเบียน มีผู้ไม่ได้รับสิทธิอยู่บ้างในแต่ละวัน ซึ่งการลงทะเบียนครั้งนี้ผ่านการตรวจสอบด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และเปิดให้ลงทะเบียนใหม่จนกว่าจะครบจำนวนทั้ง 10 ล้านคน แต่ต้องมีการปรับการลงทะเบียนต่างๆ ให้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

โดยวัตถุประสงค์การใช้มาตรการ "ชิม ช้อป ใช้" คือ การใช้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อให้เกิดการใช้จ่ายหมุนเวียน ทั้งร้านค้า โรงแรม โฮมสเตย์ ในทุกพื้นที่ ยืนยันว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใคร แต่ต้องการให้เกิดการกระตุ้นเพื่อหมุนเวียนเงินอย่างเป็นระบบ ซึ่งร้านค้าที่ร่วมลงทะเบียน มีตั้งแต่ร้านค้าขนาดใหญ่จนถึงร้านค้าขนาดเล็ก

ส่วนที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าสัปดาห์หน้าจะมีการพิจารณาขยายมาตรการ "ชิม ช็อป ใช้"นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการสรุปการดำเนินโครงการที่ผ่านมามีความก้าวหน้า และมีการใช้จ่ายในระบบมากขึ้น ซึ่งถือเป็นผลดี และส่งผลดีต่อร้านค้าขนาดเล็กด้วย โดยกระทรวงการคลังจะคิดมาตรการใหม่ๆ ขึ้นมา เพื่อให้มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น ซึ่งวันนี้จำเป็นต้องพึ่งการหมุนแวียนเศรษฐกิจในประเทศมากขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าไทยยังได้รับผลกระทบจากปัญหาการส่งออก

นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า มีความเป็นห่วงในทุกเรื่อง ทั้งเรื่องความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ที่สถิติการเกิดอุบัติเหตุยังอยู่ในระดับสูง ทำให้รัฐบาลต้องเข้มงวดในการปฏิบัติตามกฏหมายมากขึ้น เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสิ้น พร้อมย้ำว่าผู้ประกอบการและผู้ให้บริการในเรื่องขนส่งสาธารณะ จะต้องมีใบอนุญาตประกอบการอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ต้องเป็นความร่วมมือจากทุกฝ่ายด้วย

นอกจากนี้ ยังมีความเป็นห่วงเรื่องการทำเกษตรกรรม โดยฝากเกษตรกรในการขอความร่วมมือการทำเกษตรโซนนิ่ง รวมถึงช่วยลดการเผาต่างๆ ซึ่งเกษตรกรก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ในการช่วยคิดค้นวิจัยนวัตกรรมมาพัฒนาสินค้าเกษตรกรรมมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ