นายอัศวิน ยังกีรติวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ เปิดเผยว่า สายการบินไทยไลอ้อนแอร์มีแผนที่จะใช้ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง-พัทยา เป็นศูนย์กลางการบินทั้งระยะใกล้และระยะไกลในปี 63 เนื่องจากมีปัจจัยที่เอื้อต่อการเป็น "เมืองการบิน" ไม่ว่าจะเป็น การให้บริการการบิน และการบำรุงรักษาอาคารผู้โดยสาร,ศูนย์ธุรกิจการค้า(Commercial Gatewa), ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและโลจิสติกส์ (Air Cargo) ธุรกิจซ่อมเครื่องบิน (Maintenance Repair and Overhaul, MRO), ศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรการบินและกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมอากาศยาน (Free Trade Zone)
และในอนาคตทางภาครัฐยังมีแนวคิดริเริ่มโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะภา) ซึ่งมีความสำคัญอันดับ 1 ใน 5 โครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานภายใต้โครงการพัฒนาระเบียงศษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะช่วยยกระดับการขนส่งในพื้นที่ภาคตะวันออก อีกทั้งเป็นตัวเชื่อมกับท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่ปัจจุบันมีความหนาแน่นของการใช้บริการสูง เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐ
สายการบินไทย ไลอ้อน แอร์ จึงเตรียมขยายเส้นทางบินจากท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง-พัทยา สู่ประเทศจีน อินเดียและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียในอนาคตเพื่อรองรับตลาดการท่องเที่ยวที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในทุกปีทั้งยังเป็นการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง-พัทยา เป็นสนามบินนานาชาติหลักแห่งที่ 3 ของประเทศไทยมีพื้นที่โดยรอบประมาณรอบ 6,500 ไร่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 3 ล้านคน และตั้งอยู่ที่รอยต่อระหว่างจังหวัดชลบุรีและจังหวัดระยองและอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ถือเป็นท่าอากาศยานที่ตอบโจทย์ทุกรูปแบบของนักเดินทางทั่วโลกโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนและรัสเซียที่นิยมมาท่องเที่ยว
นายอัศวิน กล่าวว่า สายการบินฯยังมีแผนขยายฝูงบินโดยเตรียมเพิ่มจำนวนอากาศยานอีก 50 ลำ ในอนาคตอีกด้วย โดยทยอยรับมอบเครื่องปีละ 5-10 ลำในระยะ 5–10 ปี
ปัจจุบัน ไทยไลอ้อนแอร์มีเครื่องบินจำนวนทั้งหมด 33 ลำ เป็นโบอิ้ง 737-900ER จำนวน 19 ลำ โบอิ้ง 737-800 จำนวน 11 ลำ และแอร์บัส A330-300 จำนวน 3 ลำ
"แผนขยายเส้นทางบินฝูงบิน เราต้องสนองการเติบโตนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเพิ่มขึ้นทุกปี เลยนำเครื่องบินมาบินทั้งในและต่างประเทศ ปัจจุบันเราบินอู่ตะเภา-เชียงใหม่ มีจีนเช่าเหมาบางเมือง เราเชื่อว่าปีหน้าจะเพิ่มเส้นทางบินระหว่างประเทศมากขึ้น"นายอัศวิน กล่าว
นายอัศวิน กล่าวถึงผลการดำเนินงานปีนี้ว่า คาดว่าจะมีผลขาดทุนต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 สาเหตุหลักมาจากการเก็บภาษีน้ำมันอากาศยานของกรมสรรพสามิตที่ปรับขึ้นจาก 60 สต./ลิตร เป็น 4.67 บาท/ลิตร เมื่อเดือน ม.ค.60 ทำให้ต้นทุนน้ำมันปรับสูงขึ้น คิดเป็น 40-60%ของต้นทุนรวม และไม่สามารถผลักภาระภาษีนี้ให้ลูกค้าได้เพราะมีการแข่งขันสูงจึงไม่เก็บภาษีในตั๋วโดยสาร โดยทุกสายการบินได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ทางสายการบินต่างๆได้รวมตัวเพื่อขอให้ภาครัฐปรับลดภาษีน้ำมันลง โดยที่ผ่านมาได้แจ้งให้นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม และ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาแล้ว
ด้านนางนันทพร โกมลสิทธิ์เวช ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ กล่าวว่า ไทยไลอ้อนแอร์จะขยายเส้นทางการบินจากสนามบินอู่ตะเภาทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเริ่มแรกจะบินไปทางอีสาน และอู่ตะเภาไปเมืองๆๆหลักในจีน โดยศึกษาเส้นทางเช่น เฉิงตู เซี่ยงไฮ้ กวางโจว และในเส้นทางเมืองหลักในอินเดีย เช่น เมืองมุมไบ และอาจมีเมืองรอง โดยต้องดูเรื่องสิทธิการบินด้วย
ขณะที่เส้นทางบินในยุโรป ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นเอกสาร อาทิ ในอังกฤษคาดว่าจะได้ความชัดเจนในไตรมาส 2/63
นอกจากนี้ได้เตรียมเครื่องบินแอร์บัส A330-900 Neo ที่ทำการยินในพิสัยไกล 5-6 ชั่วโมงที่จะรับมอบในปลายปีจำนวน 2 ลำ และรับมอบอีก 1 ลำในปี 63 ส่วนเครื่องบินแอร์บัส A330-300 ที่มีอยู่ 3 ลำจะคืนให้บริษัทแม่