นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้กรมธนารักษ์ว่า ขอให้กรมธนารักษ์ดำเนินการวางแผนเพื่อนำที่ราชพัสดุมาใช้ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากทั่วประเทศ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศ โดยให้ทำงานร่วมกับธนาคารของรัฐในการนำพื้นที่ราชพัสดุมาใช้สนับสนุนแหล่งทำมาหากินให้ชุมชน การท่องเที่ยว ยกระดับเส้นทางท่องเที่ยวเดิม เปิดพื้นที่จำหน่ายสินค้า รวมถึงการเตรียมตัวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยการสร้างที่อยู่อาศัยให้ผู้สูงวัย นำพื้นที่ที่มีความเหมาะสมมาพัฒนาให้เกิดประโยชน์ โดยร่วมมือ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ผ่านมามีโครงการลักษณะคอมเพล็กซ์ขึ้นมาแล้ว จึงขอให้กรมธนารักษ์ไปดูเรื่องนี้ให้ต่อเนื่อง
ส่วนภาพเศรษฐกิจใหญ่ เรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ เป็นอีกโจทย์ของกรมธนารักษ์ว่าจะดำเนินการอย่างไรให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์อีอีซี และพื้นที่เศรษฐกิจอื่น
"กรมธนารักษ์ดูแลที่ราชพัสดุ 12 ล้านไร่ หลายพื้นที่มีศักยภาพในการช่วยพัฒนาประเทศด้านเศรษฐกิจและสังคม ดังนั้นจะต้องใช้พื้นที่ราชพัสดุเป็นตัวช่วยพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ให้ได้เป็นอย่างดี ขอให้ดำเนินการเศรษฐกิจฐานรากเชิงรุก จะต้องทำงานสอดประสานกับหน่วยงานอื่น ไม่มาคิดหน่วยงานเดียว ต้องคิดร่วมกันตามกรอบเดียวกัน" นายอุตตม กล่าว
รมว.คลัง ยังกล่าวอีกว่า กรมธนารักษ์ต้องวิเคราะห์พื้นที่ราชพัสดุกลุ่มจังหวัด และรายภูมิภาคที่จะสามารถนำไปสร้างประโยชน์ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก รวมทั้งให้กรมธนารักษ์เร่งจัดทำแผนผังแบบดิจิทัลขึ้นมา เพื่อนำไปสู่ฐานข้อมูล Big Data ของกรมธนารักษ์ ซึ่งฐานข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในระยะยาว และเป็นการติดตามว่ามีการใช้ที่ราชพัสดุตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ หากมีการบุกรุกหรือใช้ผิดวัตถุประสงค์จะได้เข้าไปดูแลเพื่อทำให้ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้กรมธนารักษ์ด้วย
"กรณีที่ส่วนราชการครอบครองพื้นที่แล้วมีการบุกรุก ก็ให้กรมธนารักษ์เข้าไปดู ว่าจะทำอย่างไรให้มีการใช้พื้นที่อย่างเหมาะสม เช่น ทำสัญญาเช่าให้เป็นเรื่องเป็นราวในอัตราที่เหมาะสม ผู้บุกรุกจะถูกยกสถานะเป็นผู้เช่า ส่วนราชการที่นำพื้นที่ไปใช้วัตถุประสงค์ก็ต้องเข้าไปดูแล บางกรณีอาจต้องนำพื้นที่คืนมา ดูให้เป็นธรรม และถูกต้อง" นายอุตตม กล่าว