นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงพลังงาน ให้การต้อนรับคณะกรรมาธิการการพลังงาน นำโดยนายกิตติกร โล่ห์สุนทร ประธานคณะกรรมาธิการ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินโยบายด้านพลังงานของประเทศ โดยเฉพาะการกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายพลังงานสู่ภาคประชาชน ซึ่งคณะกรรมาธิการการพลังงานพร้อมจะให้คำแนะนำเป็นที่ปรึกษาอิสระให้กระทรวงพลังงาน เพื่อสร้างบรรยากาศการทำงานร่วมกันระหว่างสภาผู้แทนราษฎร และกระทรวงพลังงาน โดยรมว.พลังงานยินดีที่จะทำงานร่วมกัน และคาดว่าจะมีการพบปะหารือกันเป็นระยะๆ ในโอกาสต่อไป
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังว่า ประเด็นหารือที่สำคัญ ได้แก่ ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ทางคณะกรรมาธิการฯ สอบถามความคืบหน้าการดำเนินการของกระทรวงพลังงานซึ่งน่าจะมีบทบาทหลักในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ กระทรวงพลังงานได้ชี้แจงว่า ได้วางแผนเรื่องปรับเปลี่ยนการใช้น้ำมันดีเซล B10 เป็นน้ำมันดีเซลฐานของประเทศเพื่อส่งเสริมปาล์มน้ำมัน และลดค่าฝุ่น PM 2.5 ตั้งเป้าหมายส่งเสริมให้เกิดการใช้ประมาณ 57 ล้านลิตรต่อวันภายในไตรมาส 2/63 และส่งเสริมการใช้ B20 สำหรับรถบรรทุก
โดยกระทรวงฯจะยืนยันสัดส่วน B10 นี้เป็นดีเซลฐานต่อไป ไม่มีการปรับลดเปลี่ยนแปลงหากสถานการณ์เกิดการขาดแคลนน้ำมันปาล์มดิบก็จะต้องพิจารณาเรื่องของการนำเข้าแทน ทั้งนี้ เพื่อจะได้สามารถควบคุมการใช้ไบโอดีเซลมาเป็นส่วนผสมน้ำมันดีเซลได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการผลิต B10 นี้สามารถดูดซับส่วนเกินน้ำมันปาล์มดิบได้ถึงปริมาณ 2 ใน 3 และต่อไปก็จะพิจารณาในกลุ่มเบนซินที่นำพืชพลังงานอ้อย มันสำปะหลัง มาเป็นส่วนผสมเพิ่มขึ้น
ประเด็นเรื่องส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) กระทรวงพลังงานจะเป็นหลักในการส่งเสริมแบตเตอรี่ระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) และจะประกาศเป็นนโยบายร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมในการขับเคลื่อนสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า กระตุ้นการใช้รถ EV ให้เกิดการลงทุนจากประเทศต่างๆ ซึ่งกรรมาธิการฯ มีความกังวลเรื่องนี้ว่า EV เป็นเรื่อง Disruptive ด้านพลังงานที่กำลังมาเร็ว จึงอยากให้กระตุ้นเกิดการปฏิบัติเป็นรูปธรรมทั้งในรูปของการขนส่งสาธารณะ รถโดยสารสาธารณะ เรือสาธารณะ ให้มีการใช้เชื้อเพลิงไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งทางกรรมาธิการฯพร้อมให้ความร่วมมือ ให้คำปรึกษาแนะนำทำงานร่วมกันได้
สำหรับโรงไฟฟ้าชุมชน ทำอย่างไรให้โรงไฟฟ้าชุมชนกระจายรายได้สู่ชุมชน กลุ่มฐานรากได้ประโยชน์อย่างแท้จริงไม่ใช่ประโยชน์ตกแก่ภาคเอกชน ซึ่ง รมว.พลังงาน ได้แจ้งแก่คณะกรรมาธิการฯว่า ในวันเดียวกันนี้จะมีได้มีการจัดระดมสมองเกี่ยวกับการจัดตั้งโมเดลโรงไฟฟ้าชุมชนจากผู้เกี่ยวข้องกับโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อชุมชน
ส่วนเรื่องน้ำมันปาล์ม คณะกรรมาธิการให้พิจารณาเรื่องการนำน้ำมันปาล์มดิบมาเผาผลิตไฟฟ้าว่าทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ขณะที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ควรทยอยซื้อเป็นล็อตย่อยเพื่อกระตุ้นราคาปาล์มอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประเด็นนี้ ทาง รมว.พลังงาน ได้ชี้แจงว่าเป็นนโยบายต่อเนื่องมา แต่ต่อจากนี้ไปกระทรวงพลังงานจะสนับสนุนในเชิงนำน้ำมันปาล์มาผลิตเป็นดีเซลเป็นหลักไม่สนับสนุนการนำไปผลิตเป็นไฟฟ้า
นอกจากนี้ ทางกรรมธิการฯยังเสนอให้สนับสนุนงบประมาณ 100% ให้กับโรงพยาบาลชุมชนติดโซลาร์เซลล์เพื่อช่วยประชาชน ซึ่งทางกระทรวงพลังงานได้สนับสนุนให้โรงพยาบาลชุมชนอยู่แล้วผ่านกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานแต่อาจจะยังไม่แพร่หลายและครอบคลุมทุกพื้นที่ในปัจจุบัน