(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 30.28 แข็งค่าต่อเนื่องจากวานนี้ตามภูมิภาค จับตาการเจรจาการค้า-ท่าทีธปท. มองกรอบวันนี้ 30.25-30.35

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 10, 2019 11:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 30.28 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ปิด ตลาดที่ 30.32 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันวานนี้มีการทำนิวโลว์ที่ระดับ 30.30 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าสุดในรอบ 6 ปีกว่า นับตั้งแต่ วันที่ 30 พ.ค.56

"ยังมองเงินบาทในโทนแข็งค่า แต่ก็ถือว่าเกาะกลุ่มไปกับสกุลอื่นในภูมิภาค...ต้องจับตาดูท่าทีของแบงก์ชาติว่าจะมีความ เคลื่อนไหว หรือส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ เพราะปีนี้โดดมากเลย"นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทระหว่าง 30.25-30.35 บาท/ดอลลาร์ โดยประเด็นที่ต้อง ติดตามนอกจากท่าทีของธนาคารอแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้ว ต้องติดตามการเจรจาคลี่คลายปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และเงินเฟ้อเดือน ก.ย.ของสหรัฐฯ

THAI BAHT FIX 3M (9 ต.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.36789% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.33503%

SPOT ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 30.3025 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 107.59 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 107.31 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.0985 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 1.0984 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 30.3460 บาท/ดอลลาร์
  • เงินบาท "แข็งค่า" ทำสถิติสูงสุดรอบ 6 ปี นักบริหารเงินชี้ส่วนหนึ่งจากทุนนอกไหลเข้ารอซื้อหุ้นใหญ่เพิ่ม ประกอบกับ
มี "เอฟดีไอ" จากญี่ปุ่นไหลเข้ามาลงทุน ด้าน กนง. ห่วงเงินบาทที่แข็งค่าเริ่มกระทบสภาพคล่องธุรกิจ
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทในวันที่ 9 ต.ค. 62 เคลื่อนไหวระหว่างวัน 30.26 บาทต่อดอลลาร์
แข็งค่าสุดในรอบ 6 ปี หลังจากปิดตลาดในวันที่ 8 ต.ค. 62 เงินบาทอยู่ที่ 30.40 บาทต่อดอลลาร์ เป็นผลมาจากเงินดอลลาร์อ่อนค่า
เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มชะลอลงต่อเนื่อง สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนไม่มีท่าทีจะเจรจากันได้ ธนาคาร
กลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยลงอีกในปลายเดือน ต.ค. และปลายปีนี้ รวมทั้งกระแสข่าวถอดถอนนายโดนัลด์ ทรัมป์
ประธานาธิบดีสหรัฐ สร้างความไม่แน่นอนด้านการเมืองเพิ่มขึ้น
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของครัวเรือนไทยที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ "ชิมช้อปใช้"
เฟส 1 มองว่า มาตรการ "ชิมช็อปใช้" เฟส 1 จะมีส่วนช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของตนเองได้ แต่ครัวเรือนส่วนใหญ่ยังอยากให้
รัฐบาลมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อมุ่งแก้ปัญหาปากท้องประชาชน อย่างไรก็ดี มาตรการ "ชิมช้อปใช้" ยังมีข้อจำกัดในการได้รับสิทธิ์ ทั้งในแง่
จำนวนสิทธิ์ที่เข้าร่วมโครงการ และการเข้าถึงของผู้มีรายได้น้อย และยังคงกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ เสียส่วนใหญ่
  • สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ ได้รายงานผลวิเคราะห์สถานการณ์และผล กระทบ
สงครามการค้าต่อการส่งออกครึ่งปี 2562 และโอกาสส่งออกสินค้าศักยภาพหลังมาตรการภาษีมีผลบังคับใช้วันที่ 1 กันยายน 2562 แจ้งว่า
ไทยยังสามารถรักษาและขยายส่วนแบ่งตลาดทั้งในสหรัฐและจีนได้เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่มีส่วนแบ่งตลาดลดลง
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสินค้าไทยยังมีขีดความสามารถในการส่งออก ท่ามกลางสงครามการค้าที่ยังไม่ชัดเจน และมีความผันผวนสูง
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่า
ตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค.
  • คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เปิดเผยรายงานการประชุมประจำ
เดือนก.ย.เมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องถึงความจำเป็นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง
0.25% สู่ระดับ 1.75-2.00% ในการประชุมซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 17-18 ก.ย.ที่ผ่านมา และยังเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการหารือกันใน
เร็วๆนี้ว่า เฟดควรจะเพิ่มขนาดของงบดุลหรือไม่
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 ต.ค.) หลัง
จากรายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า กรรมการเฟดมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ
สหรัฐ ซึ่งทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนนี้
  • นักวิเคราะห์จากเอฟทีเอ็น ไฟแนนเชียล กล่าวว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ใน
การประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 29-30 ต.ค.นี้ เพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หลังจากรายงานการประชุมเดือนระบุว่า กรรม
การเฟดมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ รวมทั้งความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเผชิญภาวะขาลง หรืออาจร้ายแรงถึงขั้นถดถอย
อันเนื่องมาจากผลกระทบของข้อพิพาทการค้า และการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากคำสั่ง
ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งสถานการณ์ที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป
(Brexit)
  • ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า การแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ไม่ว่าจะอยู่ในรูปใด จะส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง
  • สภาสามัญชนของอังกฤษ หรือสภาล่าง จะจัดการประชุมพิเศษในวันเสาร์ที่ 19 ต.ค.เพื่ออภิปรายในประเด็นการแยกตัว
ของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
  • นักลงทุนจับตาการเจรจาในระดับรัฐมนตรีระหว่างสหรัฐและจีนในวันที่ 10-11 ต.ค.นี้ ท่ามกลางความหวังที่ว่า การ
เจรจาจะมีความคืบหน้ามากขึ้น โดยการประชุมดังกล่าวจะจัดขึ้นที่กรุงวอชิงตัน ซึ่งนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะเป็นผู้นำคณะ
เจรจาการค้าของจีน ขณะที่ฝ่ายสหรัฐนำโดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ
(USTR)
  • หนังสือพิมพ์ต่างประเทศ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า การเจรจาระดับรัฐมนตรีช่วยระหว่างสหรัฐและจีนซึ่งเป็นการปูทาง
สู่การเจรจาระดับรัฐมนตรีในสัปดาห์นี้ ยังไม่มีความคืบหน้าในประเด็นที่สำคัญ
  • ข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตรา

เงินเฟ้อเดือนก.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ