สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐร่วงลงต่ำสุดในรอบเกือบ 10 ปี
ยอดขายบ้านมือสองซึ่งรวมถึงบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ปรับตัวลดลง 0.4% แตะระดับ 4.89 ล้านยูนิตในเดือนม.ค.จากระดับ 4.91 ล้านยูนิตในเดือนธ.ค. และต่ำกว่าเดือนม.ค.ปี 2550 ที่ยอดขายได้พุ่งขึ้น 23.4% แตะ 6.44 ล้านยูนิต
ยอดขายบ้านมือสองร่วงลงทุกพื้นที่ของสหรัฐ ยกเว้นเขตมิดเวสท์ ซึ่งมียอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 3.4% ยอดขายบ้านปรับตัวลดลง 3.6% ในเขตนอร์ธอีสท์ และลดลง 2.1% ในเขตเวสท์
นอกจากนี้ ยอดขายบ้านที่ลดลงส่งผลให้ราคาบ้านร่วงลงด้วย โดยราคากลางของบ้านมือสองสำหรับบ้านทุกประเภทอยู่ที่ระดับ 201,100 ดอลลาร์ในเดือนม.ค. ลดลง 4.6% จากระดับในปีก่อนหน้านี้ที่ราคากลางแตะระดับที่ 210,900 ดอลลาร์
ลอว์เรนซ์ ยุน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก NAR กล่าวว่า ผู้ที่มีศักยภาพที่จะซื้อบ้านยังคงปลีกตัวอยู่นอกตลาด ปัญหาซับไพรม์และการปล่อยกู้จำนองอื่นๆที่มีความเสี่ยงได้คลี่คลายไปจากตลาดแล้ว โดยเมื่อช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ปัญหาดังกล่าวได้ส่งผลให้ยอดขายบ้านอ่อนแอลงแต่ก็ไม่มากนัก
"หลังจากที่รัฐบาลได้กำหนดข้อจำกัดของสำนักงานการเคหะรัฐบาลกลาง (FHA) เพิ่มขึ้น และการปล่อยกู้ฉุกเฉิน บรรดาผู้ซื้อบ้านจำนวนมากจะสามารถเข้าถึงการปล่อยกู้ของ FHA ซึ่งมีความปลอดภัยมากกว่า และมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่หนุนให้ยอดขายบ้านปรับตัวเพิ่มขึ้นในปีนี้" เขากล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วณิชชกร ควรพินิจ/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--