รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ธปท.ได้ร่วมกับตัวแทนจากสมาคมธนาคารไทย และสมาคมธนาคารนานาชาติ จัดตั้ง "คณะทำงานเตรียมความพร้อมของธนาคารพาณิชย์เพื่อรองรับการยุติการใช้ LIBOR" เพื่อหาแนวทางรองรับกรณียุติการใช้อัตราดอกเบี้ย London Interbank Offered Rate (LIBOR) ในอีก 2 ปีข้างหน้า (ปี 64) ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกรรมการเงินที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ย LIBOR และส่งผลกระทบโดยอ้อมต่อธุรกรรมการเงินที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ย THBFIX ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากในตลาดการเงินไทย ดังนั้น ธปท. จึงเห็นว่าผู้ร่วมตลาดควรให้ความสำคัญและเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น
ธปท. ได้จัดประชุมคณะทำงานฯ ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 9 ต.ค.62 ที่ผ่านมา เพื่อหารือแนวทางการเตรียมความพร้อม โดยย้ำถึงความสำคัญของการสื่อสารและสร้างการตระหนักรู้ให้กับผู้ร่วมตลาดการเงินไทย ให้เริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลง ก่อนที่จะยุติการใช้ LIBOR ในอีก 2 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นธรรมที่สุดต่อทุกฝ่าย คณะทำงานฯ ได้มีมติให้ดำเนินการใน 3 ด้านหลัก ได้แก่
- การปรับข้อความในสัญญาการเงินที่อ้างอิง LIBOR และ THBFIX อาทิ สัญญาเงินกู้ สัญญาอนุพันธ์ หรือข้อกำหนดสิทธิของตราสารหนี้ ให้รองรับการเปลี่ยนมาใช้อัตราดอกเบี้ยอื่น
- การเตรียมความพร้อมของธนาคารพาณิชย์เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านของ LIBOR
- การกำหนดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเพื่อใช้ทดแทนกรณียุติการใช้ LIBOR และทิศทางอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของไทย
ทั้งนี้ คณะทำงานฯ คาดว่าจะได้ข้อสรุปแนวทางดำเนินการประเด็นต่างๆ ภายในเดือน มี.ค.63 และจะดำเนินการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ คู่ขนานกันไปกับผู้ร่วมตลาดเพื่อให้มีความพร้อมก่อนสิ้นปี 64 โดยคณะทำงานฯ จะเผยแพร่ความคืบหน้าข้อสรุปในประเด็นต่างๆ บนเว็บไซต์ของ ธปท.เพื่อให้ผู้ร่วมตลาดได้รับทราบทั่วกัน
ในระหว่างนี้ คณะทำงานฯ ขอให้ผู้ร่วมตลาดที่มีธุรกรรมทางการเงินอ้างอิงกับอัตราดอกเบี้ย LIBOR หรือ THBFIX เร่งดำเนินการสำรวจปริมาณธุรกรรมหรือสัญญาที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยอาจหารือกับธนาคารพาณิชย์หรือคู่สัญญาไว้ล่วงหน้า เพื่อปรับสัญญาที่มีอยู่เดิมให้ได้ทันท่วงที รวมทั้งประเมินผลกระทบเบื้องต้นในด้านต่าง ๆ พร้อมติดตามความคืบหน้าจากคณะทำงานฯ เพื่อเตรียมปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว