พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้มีมติเห็นชอบ แต่งตั้งคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (บอร์ดรฟท.) แล้ว หลังจากนี้ก็จะมีการเดินหน้าทำงานต่อไป โดยได้รับรายงานจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมว่า จะมีการลงนามในสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินได้ตามกรอบเวลาที่กำหนดคือวันที่ 25 ต.ค.นี้
ส่วนการที่เอกชนยื่นศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราวโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นสิทธิของเอกชนที่จะดำเนินการในขณะที่ภาครัฐก็จะต้องทำงานคู่ขนานไป
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า คณะกรรมการการ รฟท.ชุดใหม่รวม 7 คน โดยมี นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เป็นประธาน กรรมการ
ประกอบด้วย นายชยธรรม์ พรหมศร รองผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.), นายอำนวย ปรีมนวงศ์ อดีตอธิบดีกรมธนารักษ์, นางสาวไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท เอกชัย ดิสทริบิวชั่นซิสเทม จำกัด, นายธันวา เลาหศิริวงศ์ อดีตกรรมการอิสระ ธนาคารกรุงไทย (KTB) และประธานกรรมการตรวจสอบ บมจ.ทีพีบีไอ (TPBI), นายพินิจ พัวพันธ์ อดีตกรรมการผู้จัดการ บล.เคที ซีมิโก้ เป็นกรรมการ , นางศุกร์ศิริ บุญญเศรษฐ์ รองอธิบดีด้านที่ราชพัสดุ กรมธนารักษ์ และนายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการ รฟท. ในฐานะกรรมการเลขานุการ
ทั้งนี้ คณะกรมการ รฟท.ชุดใหม่จะมีการประชุมนัดแรกอย่างเร่งด่วนในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ (16 ต.ค.) เพื่อพิจารณาโครงการสำคัญ ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ซึ่งกำหนดรลงนามสัญญากับ กลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (กลุ่ม CPH) ในวันที่ 25 ต.ค.62
"หากดำเนินการภายใต้กรอบ เงื่อนไข RFP และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน ไม่มีเหตุผลใดที่ทำให้ต้องยกเลิกสัญญา ซึ่งคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) จะมีการประชุมพิจารณารายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับโครงการในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ด้วย"นายศักดิ์สยาม กล่าว
รวมถึงการพิจารณาโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กม. วงเงินลงทุน 179,421 ล้านบาท ในส่วนของสัญญา 2.3 (งานระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและฝึกอบรมบุคลากร) ที่มีการปรับกรอบวงเงินจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติไว้ที่ 38,558.38 ล้านบาท เป็น 50,633.50 ล้านบาท
นอกจากนั้น จะมีการพิจารณามอบอำนาจให้ฝ่ายกฎหมาย รฟท.ยื่นศาลแพ่งเพื่อดำเนินคดีกับ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งคณะทำงานได้พบข้อมูลที่จะสามารถยื่นฟ้องได้ในประเด็นการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ซึ่งโฮปเวลล์ (ประเทศไทย)ไม่ได้รับการยกเว้น ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 281 (ปว. 281)
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า หลังจากคณะกรรมการ รฟท.เห็นชอบในวันพรุ่งนี้แล้ว ฝ่ายกฎหมาย รฟท.จะต้องยื่นฟ้องต่อศาลทันที เนื่องจากคำพิพากษาในคดีที่โฮปเวลล์ฟ้องรฟท.กำหนดให้จ่ายเงินชดเชยให้แก่โฮปเวลล์ 11,888 ล้านบาท โดยไม่รวมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี ตามคำสั่งศาลปกครองภายใน 180 วันจะครบกำหนดวันที่ 19 ต.ค.62
ส่วนการจ่ายชดเชยนั้น ทางนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณาแนวทาง นอกจากนี้ในทางคู่ขนานโดยได้ประสานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อยื่นฟ้องทางอาญาด้วย