ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐย่ำฐานทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโรและเงินเยนที่ตลาดปริวรรตเงินตราฮ่องกงบ่ายวันนี้ (26 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนพากันปลีกตัวอยู่นอกตลาดกก่อนที่จะมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะประกาศยอดสร้างบ้านใหม่ประจำเดือนม.ค.ในวันพุธนี้ และจะรายงานตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนม.ค. ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 2 ใน 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในวันศุกร์นี้
เดวิด มานน์ นักวิเคราะห์จากธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์กล่าวว่า "ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงทรงตัวในกรอบแคบๆ โดยตลาดเงินจะจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐเป็นหลัก ซึ่งเราอาจได้เห็นว่าตลาดอาจมีแรงเทขายเงินดอลลาร์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะยิ่งสร้างความวิตกกังวลต่อตลาดที่จะบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย"
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ณ เวลา 12.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวที่ระดับ 1.4829 ดอลลาร์ต่อยูโร จาก 1.4832 ดอลลาร์ต่อยูโรที่ตลาดโตเกียวเช้านี้ ขณะที่เงินดอลลาร์ร่วงลงมาอยู่ที่ 107.92 เยนต่อดอลลาร์จากระดับ 108.04 เยนต่อดอลลาร์
"อย่างไรก็ตาม เงินดอลลาร์ยังมีโอกาสแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เนื่องจากเราใกล้ที่จะผ่านพ้นช่วงเวลาที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงแล้ว" นายมานน์กล่าว
นอกจากนี้ ความคิดในแง่บวกที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเริ่มส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ได้ลดอัตราดอกเบี้ยลงหลายครั้ง รวมถึงการบังคับใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ซึ่งจะช่วยสกัดการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐได้
เงินดอลลาร์อาจวิ่งขึ้นไปแตะที่ 110 เยนต่อดอลลาร์ในช่วงปลายไตรมาสที่สองจากระดับ 104 เยนต่อดอลลาร์ในช่วงปลายไตรมาสแรก นายมานน์กล่าว ขณะที่เงินยูโรอาจขยับลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 1.45 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับ 1.51 ดอลลาร์ต่อยูโรในช่วงเวลาดังกล่าว
ทั้งนี้ เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2.25% นับตั้งแต่เดือนก.ย.เพื่อหวังที่จะบรรเทาความรุนแรงจากวิกฤตสินเชื่อและกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวดีขึ้น โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดจะเข้าประชุมกันในวันที่ 18 มี.ค. เพื่อตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย ซึ่งกระแสคาดการณ์ถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐที่เริ่มแผ่วลงก็มีแนวโน้มว่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์ด้วยเช่นกัน
ด้านนายจอห์น นูนาน นักวิเคราะห์จากทอมสัน ไอเอฟอาร์ กล่าวว่า "ตลาดยังคงคาดการณ์ว่าที่ประชุมเฟด(FOMC) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในที่ประชุมวันที่ 18 มี.ค. แต่กระแสคาดการณ์ดังกล่าวเริ่มแผ่วลงแล้ว"
นอกจากนี้ เงินยูโรก็เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนยังไม่มั่นใจว่าธนาคารกลางยุโรปจะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ หรือจะปรับลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยกระตุ้นภาคธุรกิจการเงินที่ประสบภาวะขาดทุนอันเป็นผลมาจากวิกฤตการณ์ในตลาดปล่อยกู้จำนองของสหรัฐ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--