ทั้งนี้ หากต้องการให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ถึง 3% รัฐบาลจะต้องเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจในไตรมาส 4/2562 ให้ขยายตัวได้ 4% ขึ้นไป โดยในช่วงที่เหลือ 2 เดือนสุดท้ายของปี (พ.ย.-ธ.ค.) รัฐบาลจำเป็นต้องอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบอย่างน้อย 3-5 หมื่นล้านบาท อาจเป็นการดำเนินการผ่านมาตรการชิมช็อปใช้ เฟส 2 รวมถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว เพื่อให้กระตุ้นให้เกิดกำลังซื้อ และการใช้จ่ายภายในประเทศมากขึ้น
สำหรับมาตรการชิมช้อปใช้ เฟส 2 เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจมากกว่าเฟสแรก เนื่องจากเฟสแรกนั้น ประชาชนที่ไปลงทะเบียนเพื่อหวังได้รับสิทธิ 1,000 บาท ขณะที่การใช้จ่ายเพื่อรับเงิน cash back 15% ยังไม่มีแรงจูงใจพอ แต่ในเฟส 2 มองว่าประชาชนที่ลงทะเบียนส่วนใหญ่จะมีการวางแผนท่องเที่ยวจริง ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินหมุนลงสู่ระบบ 2-3 หมื่นล้านบาท และช่วยสนับสนุน GDP ได้ 0.1-0.2%
"ยอมรับว่า โอกาสที่ GDP ไทยจะเติบโตได้ 3% มีอยู่ 1 ใน 3 ขณะที่ GDP ที่ระดับ 2.8% มีโอกาสเกิดขึ้น 2 ใน 3 แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะออกมา ว่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นได้มากแค่ไหน รวมถึงมาตรการประกันรายได้ภาคเกษตรกร วงเงินรวมกว่า 3 หมื่นล้านบาทที่จะทยอยออกมา ที่คาดว่าน่าจะมีผลในการช่วยกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศให้ดีขึ้น จะเป็นแรงส่งสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจช่วงสุดท้ายของปีนี้" นายธนวรรธน์ กล่าว