นายอุตตม สาวนายนต์ รมว.คลัง ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ว่า รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด และสอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ โดยยึดตามหลักกฎหมายและรัฐธรรมนูญอย่างครบถ้วน
พร้อมทั้งยึดตามกรอบวินัยการเงินการคลัง มุ่งเน้นการบริหารให้สอดคล้องในแต่ละห้วงเวลาและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ เน้นการพัฒนาประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน แก้ไขปัญหาให้กับประชาชน โดยเฉพาะปัญหาความเลื่อมล้ำและความยากจน
ขณะที่มีการแสดงที่มาและประมาณการของรายได้ โดยมีรายได้ทั้งจากการจัดเก็บภาษีอากร และรายได้จากรัฐวิสาหกิจ ซึ่งรัฐบาลมั่นใจว่าจะสามารถจัดเก็บรายได้ได้ตามเป้าที่วางไว้ โดยได้เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บ และอำนวยความสะดวกเพื่อจูงใจให้ประชาชนเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น โดยตั้งเป้าว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีการเพิ่มผู้เสียภาษีรายใหม่อีก 9 แสนราย
นายอุตตม ยังชี้แจงถึงการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลว่า เป็นการตั้งงบประมาณขาดดุลเพื่อสนับสนุนการลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจยังมีความเสี่ยง และตั้งเป้าหมายเข้าสู่งบสมดุลในปี 2573 ตามที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ
รมว.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้เศรษฐกิจในประเทศเผชิญกับความท้าทายจากปัญหาเศรษฐกิจโลก จนส่งผลต่อภาคส่งออก ซึ่งแม้แต่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ยังออกรายงานล่าสุดระบุว่าเศรษฐกิจโลกยังคงถดถอย และชี้ว่าประเทศต่างๆควรเร่งการใช้จ่ายในประเทศให้มากขึ้น
ดังนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจในประเทศ และทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้ผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบ ไม่ใช่เพียงการแจกเงิน แต่เน้นมาตรการที่ช่วยเหลือได้ตรงจุด รวดเร็วทันการณ์ ซึ่งจะเป็นมาตรการชั่วคราวเท่านั้น และต้องช่วยเหลือครอบคลุมทุกกลุ่ม ทั้งผู้มีรายได้น้อย กลุ่มเกษตรกร กลุ่มประชาชนทั่วไป และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
นอกจากนี้ รมว.คลัง กล่าวถึงมาตการชิม ช้อป ใช้ ว่า ส่งผลกระตุ้นการใช้จ่ายได้ถึง 2.5-3 เท่าจากปกติ โดยมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการมากถึง 1.4 แสนร้านกระจายไปทั่วประเทศ ซึ่งมาตการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ มีการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อทำให้เกิดความโปร่งใส ซึ่งการเก็บข้อมูลจากการลงทะเบียนของประชาชน สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการกำหนดนโยบายหรือมาตรการที่จะช่วยเหลือประชาชนในอนาคตต่อไปได้