นายสุวรรณชัย โลหะวัฒกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เฉพาะกิจ) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานว่า ที่ประชุมฯ เห็นชอบแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณปี 2562-2563 และให้จัดสรรเงินกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการสนับสนุน SMEs วงเงินงบประมาณ 10,000 ล้านบาท ภายใต้มาตรการเพื่อการกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ
ผู้อำนวยการ สสว. กล่าวว่า สสว.และ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ได้กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการดำเนินงานโครงการสนับสนุน SME กำหนดแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินงบประมาณปี 2562-2563 โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ประกอบการ SME ที่มีรายได้ไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อปี คาดว่าจะมีผู้ได้รับอนุมัติวงเงินสินเชื่อจำนวนไม่น้อยกว่า 12,250 ราย แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ กรณีบุคคลธรรมดา วงเงินกู้ไม่เกิน 500,000 บาท กรณีนิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดาที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม วงเงินกู้ไม่เกิน 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี ระยะเวลากู้ไม่เกิน 7 ปี ระยะเวลาปลอดชำระคืนเงินต้นไม่เกิน 1 ปี
ทั้งนี้จะต้องมีบุคคลค้ำประกัน และเป็นผู้ที่ไม่เคยเป็นผู้ได้รับการช่วยเหลือเงินทุนในโครงการเงินทุนพลิกพื้นวิสาหกิจขนาดย่อม โครงการฟื้นฟูกิจการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี ตามแนวประชารัฐ โดย ธพว.เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำนินการได้ตั้งแต่เดือน พ.ย.62-ต.ค.63
ผู้อำนวยการ สสว. คาดว่า โครงการกองทุนหมื่นล้านจะมี SME ได้รับการอนุมัติเงินกู้ไม่น้อยกว่า 12,250 ราย สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนรวม 9,794 ล้านบาท เพื่อนำไปกรับปรุง ซ่อมแซม ขยายกิจการ ยกระดับการพัฒนาการให้บริการและขยายกำลังการผลิต ซึ่งจะทำให้กิจการสามารถดำเนินงานต่อไปได้ส่งผลให้มีรายได้สูงขึ้น
นอกจากนี้ยังเชื่อว่า จะทำให้ระบบเศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียนของเงินทุนในระบบสูงขึ้น ซึ่งคาดว่าจะทำให้ผู้ประกอบการ SMEs ภายใต้โครงการมีรายได้เพิ่มสูงขึ้นไม่น้อยกว่า 20% อีกทั้งเป็นการรักษาการจ้างงาน หรือเกิดการจ้างงานเพิ่มสูงขึ้นด้วย