น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานแทนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่มีภารกิจเยือนประเทศญี่ปุ่นเพื่อเข้าร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์น้ำแล้งและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะปัญหาน้ำแล้ง ซึ่งวันนี้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้รายงานว่ามีพื้นที่ประมาณ 22 จังหวัด 56 อำเภอที่เข้าข่ายสุ่มเสี่ยงที่จะประสบปัญหาภัยแล้ง จึงได้กำชับให้ทุกหน่วยงานเร่งทำหน้าที่ดูแลประชาชน โดยเฉพาะการสื่อสารให้เข้าใจถึงสถานการณ์น้ำแล้งที่กำลังเกิดขึ้นเพื่อให้มีการวางแผนเพาะปลูก และอยากให้ปรับเปลี่ยนมาปลูกพืชที่ใช้พืชที่ใช้น้ำน้อย
ขณะที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องการขุดเจาะแหล่งน้ำบาดาล เพื่อช่วยเหลือ ดูแลไว้ประชาชนแล้ว
ส่วนพื้นที่ที่เสี่ยงต่อภัยน้ำท่วม ตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค.เป็นต้นไป โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดทางภาคใต้ เช่น นครศรีธรรมราช ลงไปอาจจะมีปริมาณน้ำฝนเยอะ และนำไปสู่สถานการณ์น้ำท่วมได้ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ชี้แจงว่าได้เตรียมความพร้อมในการเข้าดูแลประชาชนอย่างเต็มที่แล้ว
นอกจากนี้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้รายงานต่อที่ประชุมครม.ถึงความคืบหน้าในการแก้ปัญหาของกลุ่มสมัชชาคนจนที่มาร้องเรียนที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ซึ่งมี 3 ประเด็นหลัก คือ 1.เรื่องค่าชดเชยจากการสร้างเขื่อนซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ได้มอบหมายให้กรมชลประทานเข้าไปเจรจาแล้ว และทุกอย่างได้ข้อสรุปแล้ว ส่วนเรื่องที่ 2 คือเรื่องที่ดินทำกิน กลุ่มผู้เรียกร้อง พอใจการจัดสรรที่ดินทำกินให้ และเรื่องความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวที่เรียกร้องว่าไม่อยากให้มีการนำเข้ามะพร้าวจากต่างประเทศ เพราะเกรงว่าจะทำให้ราคามะพร้าวในประเทศตกต่ำ ซึ่งเรื่องนี้อนุกรรมาธิการเกษตรของสภาผู้แทนราษฎรได้รับเรื่องไปพิจารณาแล้ว ถือว่าปัญหาของสมัชชาคนจนได้รับการคลี่คลายไปได้ด้วยดี