นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า ตามมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้เปิดมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ " ชิมช้อปใช้" เฟส 2 ในวันที่ 24 ต.ค.62 เป็นต้นไป กำหนดจำนวนผู้ลงทะเบียนเพิ่มเติมอีก 3 ล้านคน จะเปิดรับสิทธิลงทะเบียนวันละ 1 ล้านคน โดยแบ่งเป็นวันละ 2 รอบ ได้แก่ รอบที่ 1 เวลา 6.00 น. กำหนดจำนวน 5 แสนคน รอบที่ 2 เวลา 18.00 น. กำหนดจำนวนอีก 5 แสนคน เช่นกัน
ทั้งนี้ ธนาคารมีความมั่นใจว่าระบบแอพพลิเคชั่นของธนาคารทั้งถุงเงิน และเป๋าตัง มีความพร้อมในการรองรับร้านค้า และผู้ลงทะเบียนรับสิทธิได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนั้น ในเฟสที่ 2 KTB ขอเชิญชวนผู้รับสิทธิตามมาตรการชิมช้อปใช้ เมื่อใช้จ่ายผ่านกระเป๋า G-Wallet 1 รับสิทธิ 1,000 บาท ครบแล้ว ยังสามารถใช้สิทธิในกระเป๋า G-Wallet 2 เพื่อรับเงินคืนสูงสุด 20% หรือประมาณ 8,500 บาท โดยขั้นตอนจะต้องเติมเงินผ่านการสแกน QR Code ด้วยแอพฯ ของทุกธนาคาร โดยเข้าไปที่แอปเป๋าตัง เลือกกดสัญลักษณ์รูป QR Code (เติมเงิน G-Wallet ) ด้านบนมุมซ้าย ต่อมาทำการบันทึกรูปภาพ QR Code ลงในโทรศัพท์ หลังจากนั้นเข้าแอพฯ ธนาคารของท่านและกดเลือกสแกน QR-Code จากรูปภาพที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์ และใส่จำนวนเงินที่ต้องการเติมเงิน"
นอกจากนี้ ยังสามารถเติมเงินผ่านตู้ ATM ของ 5 ธนาคารใหญ่ ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยใช้ตู้เอทีเอ็มที่ตรงกับบัตรเอทีเอ็มของธนาคารนั้นๆ เข้าที่เมนู เติมเงิน เติมเงินพร้อมเพย์ หรือโอนเงิน แล้วแต่เมนูหน้าแรกของตู้เอทีเอ็มธนาคารนั้นๆ หลังจากนั้นเลือกบัญชีว่าจะให้ทำการโอนเงินจากบัญชีออมทรัพย์หรือกระแสรายวัน พร้อมใส่หมายเลข G-Wallet 15 หลัก ที่ได้จาก QR Code หลังจากนั้นใส่จำนวนเงินที่ต้องการและกดยืนยัน
ส่วนวิธีการชำระเงินเพื่อรับสิทธิเงินคืน 15-20% โดยเข้าแอพฯ"เป๋าตัง" กดที่เมนูใช้สิทธิรับเงินคืน 15-20 % และเลือกใช้จ่ายร้านค้าถุงเงิน หลังจากนั้นจะได้ QR Code เพื่อให้ร้านค้าใช้แอปถุงเงินสแกน โดยผู้รับสิทธิต้องตรวจสอบยอดเงินที่ต้องชำระ และกดยืนยันการชำระเงิน ในส่วนของการรับเงินคืนนั้น จะได้รับเงินคืนภายในเดือนถัดไปหลังจากการเสร็จสิ้นการใช้สิทธิของมาตรการ
ทั้งนี้ มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเฟสที่ 2 ขั้นตอนการลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิจะเหมือนเฟสที่ 1 โดยลงทะเบียนผ่าน WWW. ชิมช้อปใช้ .com กรอกรายละเอียดข้อมูลส่วนตัว พร้อมเลือกจังหวัดที่ประสงค์จะเดินทางไปใช้สิทธิ โดยไม่ใช่จังหวัดตามสำเนาทะเบียนบ้าน หลังจากนั้นภายใน 3 วันธนาคารจะส่ง SMS เพื่อให้โหลดแอพฯ "เป๋าตัง" โดยไม่ต้องมีบัญชีธนาคารกรุงไทย เพื่อรับสิทธิ 1,000 บาท ผ่านกระเป๋า G- Wallet1
และผู้ได้รับสิทธิสามารถเติมเงินในกระเป๋า G- Wallet 2 ใช้จ่ายในร้านที่ร่วมโครงการ ชิมช้อปใช้ ได้ทุกจังหวัด ที่ไม่ตรงกับทะเบียนบ้าน เพื่อรับสิทธิเงินคืน โดยยอดใช้จ่ายไม่เกิน 30,000 บาท รับเงินคืน 15% และยอดใช้จ่ายตั้งแต่ 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000 บาท รับเงินคืน 20% หรือสูงสุด 8,500 บาท
ทั้งนี้ ผู้รับสิทธิตามมาตรการชิมช้อปใช้ เฟสที่ 1 และเฟสที่ 2 สามารถใช้จ่ายผ่านกระเป๋า G- Wallet 2 ได้ถึงวันที่ 31 ธ.ค.62
นอกจากนี้ มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ชิมช้อปใช้ เฟสที่ 2 ธุรกิจที่จะเข้าร่วมโครงการมีความหลากหลายมากขึ้น ครบวงจรสำหรับการเดินทาง อาทิเช่น โรงแรม แพ็คเกจทัวร์ และรถเช่า เป็นต้น
นายผยง กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้จ่ายในประเทศ และทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ประชาชนที่ได้รับสิทธิในเฟสที่ 1 จำนวน 10 ล้านคน และในเฟสที่ 2 อีก 3 ล้านคน นำเงินไปใช้จ่าย ตามมาตรการของโครงการ สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และกระจายไปสู่ฐานรากของชุมชน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) มั่นใจว่า มาตรการชิมช็อปใช้เฟส 2 จะมีผู้สนใจใช้จ่ายเงินกระเป๋า G-Wallet ที่ 2 มากขึ้น จากเดิมที่มาตรการในเฟสแรก มีผู้ใช้กระเป๋า 2 เพียง 200 ล้านบาท จากเป้าหมาย 60,000 ล้านบาท แต่มาตรการเฟส 2 นี้ มีกุญแจสำคัญ 4 เรื่องที่จะทำให้ผู้ใช้จ่ายเงินเพิ่มขึ้น คือ 1.ให้สิทธิประโยชน์มากขึ้น มีการใช้เงินชดเชยเพิ่มขึ้น 20% จะเป็นแรงจูงใจที่ดีขึ้น 2.การเติมเงินเข้ากระเป๋า 2 ง่ายขึ้น 3.จำนวนร้านค้าเข้าร่วมโครงการมีมากขึ้น เปิดกว้างขึ้น สามารถจัดโปรโมชั่นร่วมการขายได้ และ 4.ร้านค้าที่ร่วมโครงการจะไม่ถูกตรวจสอบภาษี
ผู้อำนวยการ สศค. กล่าวว่า มาตรการชิมช้อปใช้เฟส 1 ที่เปิดรับลงทะเบียน 10 ล้านคน และให้มีการใช้จ่ายภายใน 14 วันนั้น ขณะนี้มียอดใช้จ่ายผ่านกระเป๋า 1 แล้วกว่า 9,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนผู้ลงทะเบียนทั้งหมด พบว่ามีผู้ที่ไม่ใช้สิทธิ หรือไม่นำเงินไปใช้จ่ายได้ทันในกำหนดเวลา รวมกว่า 9 แสนราย
ด้านนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้ตั้งงบประมาณอุดหนุนมาตรการชิมช้อปใช้ เฟส 2 อีก 2,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะได้รับความสนใจจากประชาชนใช้จ่ายมากขึ้น โดยสาเหตุที่ไม่สามารถรับเพิ่มได้เกิน 3 ล้านคน เนื่องจากมีงบประมาณที่ต้องใช้อย่างจำกัด
พร้อมระบุว่า กระทรวงคลังพยายามเต็มที่ในการออกชุดมาตรการเพื่อประคองเศรษฐกิจ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าเศรษฐกิจโลก ยังมีปัญหา ทำให้ไม่สามารถบอกได้ 100%ว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะเป็นอย่างไร แต่กระทรวงการคลังก็จะพยายามทำให้เต็มที่ที่สุด เพื่อให้การขยายตัวเศรษฐกิจปีนี้เติบโตได้ใกล้เคียงที่เป้าหมาย 3% โดยจะมีการติดตามข้อมูลแบบไตรมาสต่อไตรมาส และสิ้นปีก็จะมาดูผลของมาตรการอีกครั้ง