นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวว่า วันนี้ได้เปิดให้มีการลงทะเบียนมาตรการ "ชิมช้อปใช้" เฟส 2 เป็นวันแรก โดยรอบแรกเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 06.00 น. จำกัดจำนวนที่ 5 แสนคน พบว่ามีผู้ลงทะเบียนครบตามจำนวนที่เวลา 07.18 น. ถือว่ามาตรการได้รับความสนใจเป็นอย่างดี โดยเย็นวันนี้จะเปิดให้ลงทะเบียนอีกรอบในเวลา 18.00 น. อีกจำนวน 5 แสนคน ซึ่งมองว่าการกำหนดจำนวนผู้ลงทะเบียนมาตรการชิมช็อปใช้ ในเฟส 2 ที่จำนวน 3 ล้านคนเป็นจำนวนที่เหมาะสมแล้ว และยังไม่มีแนวคิดที่จะขยายจำนวนผู้ลงทะเบียนเพิ่ม
รมว.คลัง กล่าวว่า เป้าหมายของมาตรการชิมช็อปใช้ เฟส 2 คือ ต้องการกระตุ้นให้ประชาชนผู้ได้สิทธิ์ ใช้จ่ายเงินผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ใบที่ 2 (g-wallet 2) จึงมีการให้แรงจูงใจเพิ่มจากเดิมที่การใช้จ่าย 30,000 บาทแรก จะได้รับเงินชดเชย 15% หรือไม่เกิน 4,500 บาท แต่ในเฟส 2 ขยายเพิ่ม โดยการใช้จ่ายในส่วนที่เกิน 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000 บาท จะได้รับเงินชดเชย 20% หรือไม่เกิน 4,000 บาท ซึ่งมองว่าจะเป็นแรงจูงใจเพียงพอที่จะทำให้ประชาชนมาใช้จ่ายผ่าน g-wallet 2 มากขึ้น
"หลังจากนี้ ต้องขอเวลาประเมินผลของมาตรการอีกระยะหนึ่ง เพราะได้มีการขยายเวลามาตรการ จากเดิมถึงสิ้นเดือน พ.ย.62 ไปเป็นถึงสิ้นเดือน ธ.ค.62 ถือเป็นช่วงเวลาที่มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น" นายอุตตม กล่าว
นอกจากนี้ มาตรการชิมช็อปใช้ เฟส 2 ยังได้รับความร่วมมือจากธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและ ธนาคารพาณิชย์ในการลงพื้นที่เพื่อจูงใจให้ร้านค้า และผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง มาเข้าร่วมในมาตรการมากขึ้น เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้จ่ายผ่าน g-wallet 2 โดยเฉพาะในช่วงการท่องเที่ยวช่วงสิ้นปี
ขณะเดียวกัน ได้ขยายสิทธิให้ผู้ประกอบการโรงแรม เช่ารถ บริษัททัวร์ในธุรกิจท่องเที่ยวสามารถนำสาขาทุกแห่งที่มีอยู่เข้าร่วมในมาตรการชิมช็อปใช้เฟส 2 ได้ทั้งหมด จากเดิมที่กำหนดว่าจะต้องเลือกเพียงจังหวัดเดียว ก็จะทำให้ผู้ได้สิทธิ์มีทางเลือกในการใช้จ่ายและท่องเที่ยวมากขึ้น เช่น ผู้ประกอบการโรงแรมมีสาขาเปิดอยู่ทั่วประเทศ 13 แห่ง ก็สามารถนำสาขาที่มีอยู่ทั้งหมดเข้าร่วมมาตรการได้
ด้านนายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า เชื่อว่าผู้ได้สิทธิ์จะมีการใช้จ่ายเงินผ่านกระเป๋าเงินช่องที่ 2 มากขึ้น เนื่องจากมีการให้สิทธิประโยชน์มากขึ้น มีการใช้เงินชดเชยเพิ่มขึ้น 20% จะเป็นแรงจูงใจที่ดีขึ้น การเติมเงินเข้ากระเป๋า 2 ง่ายขึ้น และจำนวนร้านค้าเข้าร่วมโครงการมีมากขึ้น เปิดกว้างขึ้น สามารถจัดโปรโมชั่นร่วมการขายได้ การปรับเวลาการลงทะเบียน จะทำให้ได้กลุ่มคนทำงาน ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น รวมถึงร้านค้าที่ร่วมโครงการจะไม่ถูกตรวจสอบภาษี
พร้อมกันนี้ ประเมินว่าถ้าประชาชนที่ได้รับสิทธิ์ตามมาตรการชิมช็อปใช้ มีการใช้จ่ายเงินในกระเป๋า 2 เฉลี่ยคนละ 5,000 บาท ก็จะทำให้มียอดใช้จ่ายสูงถึง 5 หมื่นล้านบาท เมื่อรวมกับวงเงินในกระเป๋าเงินช่องที่ 1 อีกประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จะทำให้มีเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจช่วงปลายปีถึง 6 หมื่นล้าน
"ยืนยันว่า ผู้ลงทะเบียนชิมช็อปใช้เฟสแรก จำนวน 9.3 แสนคนที่ได้สิทธิ์ แต่ไม่มีการใช้เงินผ่านกระเป๋าเงินช่องที่ 1 และ 2 จะถูกตัดสิทธิ์ และไม่สามารถมาลงทะเบียนในเฟส 2 ได้" นายลวรณ กล่าว