นายธวัชชัย จักรไพศาล รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.เตรียมแผนปิดเหมืองถ่านหินแม่เมาะ จ.ลำปาง ก่อนที่เหมืองจะหมดอายุในอีก 30 ปีข้างหน้าตามปริมาณถ่านหินที่จะหมดลง เพื่อไม่ให้กระทบต่อชุมชนในพื้นที่ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำงานอยู่ที่เหมือง พร้อมกับจะฟื้นฟูสภาพบนพื้นที่เหมืองที่มีกว่า 4 หมื่นไร่ให้กลับมาสู่สภาพธรรมชาติตามปกติ โดยเบื้องต้นรัฐบาลให้แนวทางปรับเปลี่ยนเหมืองหลังหมดอายุให้กลายเป็นพื้นที่เมืองอัจฉริยะ (Smart City) แบบเป็นไปตามวิถีชาวบ้าน
ทั้งนี้ กฟผ.อยู่ระหว่างเริ่มเก็บเงินบางส่วนจากการผลิตถ่านหินเพื่อนำไปบริหารจัดการปิดเหมืองในอนาคต ได้แก่ การส่งเสริมอาชีพให้กับชุมชน ,การฟื้นฟูสภาพธรรมชาติ ซึ่งการปรับพื้นที่เหมืองแม่เมาะจะส่งผลให้เกิดการสร้างอ่างขนาดเล็ก โดยอาจจะนำมาใช้ประโยชน์ผลิตไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ ซึ่งจะเป็นเสมือนพลังงานไฟฟ้าสำรองได้ด้วย และยังใช้เป็นพื้นที่ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์ลอยน้ำ (Floating Storage) โดยกฟผ. ยังอยู่ระหว่างการวางแผนที่ชัดเจนอีกครั้ง
สำหรับโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เดิมมีทั้งหมด 13 หน่วยการผลิตไฟฟ้า ปัจจุบันปลดหน่วยผลิตที่ 1-3 เนื่องจากหมดอายุ ขณะที่มีการสร้างทดแทนหน่วยผลิตที่ 4-7 ที่หมดอายุ ให้เป็นโรงไฟฟ้า RP1 ขนาด 655 เมกะวัตต์ (MW) ​ซึ่งเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าไปเมื่อต้นปี 62 ส่วนหน่วยที่ผลิต 8-9 กำลังจะหมดอายุในปี 68 ขณะนี้อยู่ระหว่างการรับฟังความเห็นของประชาชนและจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ทดแทนในชื่อ โรงไฟฟ้า RP2 กำลังการผลิต 650 เมกะวัตต์​ ซึ่งการสร้างโรงไฟฟ้าทดแทนดังกล่าวเป็นไปตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าประเทศ พ.ศ. 2561-2580 (PDP2018) โดยมีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (COD) ในปี 69 โดยโรงไฟฟ้าจะมีอายุ 25-30 ปี ส่วนหน่วยผลิตที่ 10-13 มีแผนจะปลดออกจากระบบหลังปี 68 หรือ 69 เนื่องจากปริมาณถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะมีไม่เพียงพอ
ปัจจุบันโรงไฟฟ้าแม่เมาะผลิตไฟฟ้าได้รวมประมาณ 2,400 เมกะวัตต์ ซึ่ง กฟผ.พิจารณาแล้วว่า โรงไฟฟ้าแม่เมาะที่สร้างใหม่ทดแทนโรงเก่า จะหมดอายุพร้อมกับการหมดไปของถ่านหินที่เหมืองแม่เมาะ