นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนกันยายน 2562 และไตรมาสที่ 3 ปี 2562 พบว่า เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณการชะลอตัวจากการส่งออกสินค้า โดยมีสาเหตุมาจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ดี ในด้านการผลิตพบว่าเศรษฐกิจไทยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ขยายตัวสูงสุดในรอบ 15 เดือน และภาคการเกษตรที่ยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง ส่วนเสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี
สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนส่วนใหญ่ชะลอตัว ขณะที่บางส่วนยังขยายตัวได้ สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ชะลอตัว -2.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ไตรมาสที่ 3 ชะลอตัวที่ -3.7% ต่อปี ปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งชะลอตัวที่ -2.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ไตรมาสที่ 3 ชะลอตัวเพียงเล็กน้อยที่ -1.7% ต่อปี เช่นเดียวกับปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ชะลอตัวที่ -3.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่ 3 ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ยังขยายตัวได้ที่ 0.9% ต่อปี
นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทย ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 59.3 เป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจเศรษฐกิจโลกจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และเรื่อง Brexit ส่งผลให้ไตรมาสที่ 3 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 60.8 ส่วนรายได้เกษตรกรที่แท้จริงขยายตัวที่ 3.0% ทำให้ไตรมาสที่ 3 ขยายตัวที่ 2.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน ในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรยังคงชะลอตัว ขณะที่การลงทุนในหมวดก่อสร้างส่งสัญญาณปรับตัวดีขึ้น การลงทุนหมวดเครื่องมือเครื่องจักรสะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ชะลอตัวที่ -21.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ไตรมาสที่ 3 ชะลอตัวที่ -11.3% ต่อปี ส่วนการลงทุนในหมวดก่อสร้าง สะท้อนจากยอดการจัดเก็บภาษีการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ขยายตัว 8.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม ไตรมาสที่ 3 ชะลอตัวที่ -2.3% ต่อปี เช่นเดียวกับปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ยังคงชะลอตัวที่ -10.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม ไตรมาสที่ 3 ปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ชะลอตัวที่ -9.2% ต่อปี ส่วนดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างชะลอตัวที่ -2.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุมาจากการชะลอตัวในดัชนีราคาสินค้าหมวดเหล็กตามราคาเหล็กในตลาดโลกและความต้องการใช้เหล็กที่ลดลง ทำให้ไตรมาสที่ 3 ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างชะลอตัวลงที่ -2.4% ต่อปี
เศรษฐกิจภาคการค้าระหว่างประเทศชะลอตัว สะท้อนจากมูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ชะลอตัวที่ -1.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการชะลอตัวของสินค้าส่งออกในหมวดสินค้าเครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ น้ำมันสำเร็จรูป เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ อย่างไรก็ตาม สินค้าในกลุ่มรถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ ทองคำ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับอื่น ๆ ยังคงขยายตัวได้ และตลาดส่งออกสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และ ไต้หวัน ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าสินค้าในรูปเงินสกุลดอลลาร์ชะลอตัวอยู่ที่ -4.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ดุลการค้าในเดือนกันยายน 2562 เกินดุล 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบมูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยกับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคจะพบว่าหลายประเทศมีการส่งออกหดตัว โดยเฉพาะประเทศเกาหลีใต้ อินเดีย และฮ่องกง มีการหดตัวในระดับสูง
เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน พบว่า ภาคการท่องเที่ยวและภาคการเกษตรขยายตัว ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมยังส่งสัญญาณชะลอตัว ในภาคการท่องเที่ยวสะท้อนจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยในเดือนกันยายน 2562 มีจำนวน 2.90 ล้านคน ขยายตัว 10.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 15 เดือน โดยนักท่องเที่ยวชาวจีนขยายตัวในอัตราเร่งที่ 31.6% ต่อปี และยังมีนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นที่ขยายตัวดี อาทิ นักท่องเที่ยวชาวอินเดีย ลาว และญี่ปุ่น ทำให้ไตรมาสที่ 3 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวในอัตรา 7.2% ต่อปี สำหรับรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 139,621 ล้านบาท คิดเป็นการขยายตัว 8.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ไตรมาสที่ 3 รายได้จากนักท่องเที่ยวขยายตัวที่ 5.8% ต่อปี เช่นเดียวกับภาคการเกษตรสะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรที่ขยายตัว 1.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และในไตรมาสที่ 3 ขยายตัวที่ 1.1% ต่อปี
ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมสะท้อนจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมชะลอตัว -4.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ไตรมาสที่ 3 ดัชนีดังกล่าวชะลอตัว -4.2% ต่อปี เช่นเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 92.1 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลต่อเศรษฐกิจที่จะได้รับผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน การแข็งค่าของเงินบาทอาจเป็นปัจจัยลบต่อภาคการส่งออก ส่งผลให้ไตรมาสที่ 3 ค่าดัชนีดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 92.8 โดยเฉลี่ย อย่างไรก็ตาม ดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 102.9 ไปอยู่ที่ระดับ 103.4 เนื่องจากผู้ประกอบการเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในช่วง 3 เดือนหลังจะดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
เสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.3% ต่อปี ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าตามราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลงในประเทศ และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.4% ต่อปี ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ณ ไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 0.6% และ 0.4% ต่อปีตามลำดับ สำหรับอัตราการว่างงานอยู่ที่ 1.0% ของกำลังแรงงาน สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2562 อยู่ที่ 41.3% ต่อ GDP ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ส่วนเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับมั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2562 อยู่ในระดับสูงที่ 220.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ