ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 30.20 ทรงตัวจากช่วงเช้า คาดพรุ่งนี้ยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ รอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 28, 2019 17:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 30.20 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวใน ระดับเดียวกับเปิดตลาดเช้า ระหว่างวันแกว่งตัวในกรอบ 30.19-30.22 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากตลาดไร้ปัจจัยใหม่เข้ามา

"บาททรงตัวแกว่งในกรอบแคบๆ ตามแรงซื้อขาย แต่ยังไร้ปัจจัยใหม่เข้ามา" นักบริหารเงิน กล่าว

สำหรับกรณี Brexit ล่าสุดมีความชัดเจนมากขึ้นที่จะเลื่อนกำหนดออกไปจาก ต.ค.62 เป็นเดือน ม.ค.63 ส่วนปัจจัย ที่ตลาดจับตามองเป็นการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 29-30 ต.ค.นี้ โดยตลาดคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25%

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 30.15-30.25 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 108.69 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 108.75 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1093 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1077 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,596.48 จุด เพิ่มขึ้น 3.20 จุด, +0.20% มูลค่าการซื้อขาย 49,889.55 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 657.50 ล้านบาท (SET+MAI)
  • ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สศค. ได้ปรับลดคาด
การณ์ GDP ในปี 62 ลงเหลือ 2.8% โดยมีช่วงคาดการณ์อยู่ที่ 2.6-3.0% ชะลอตัวลงจากคาดการณ์เดิมที่ 3.0% โดยมีสาเหตุมาจาก
ปัจจัยนอกประเทศเป็นสำคัญ จากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ที่คาดว่าจะขยายตัวลดลงมาอยู่ที่ 3.3% จากคาดการณ์เดิมที่
3.5% โดยเฉพาะจีน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น มาเลเซีย และเวียดนาม และปริมาณการค้าโลก ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าระหว่าง
สหรัฐฯ และจีน ส่งผลกระทบต่อภาพรวมการส่งออกของไทยในปีนี้ให้ขยายตัว -2.5% โดยมีช่วงคาดการณ์อยู่ที่ -2.7ถึง -2.3% จากคาด
การณ์เดิมที่ -0.9%

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2563 คาดว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวเร่งขึ้นจากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 3.3% (ช่วงคาดการณ์ ที่ 2.8 - 3.8%) โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายภาคเอกชนและการใช้จ่ายภาครัฐ ทั้งจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 จำนวน 3.2 ล้านล้านบาท ที่คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ในช่วงต้นปีหน้า และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนาดใหญ่ของ รัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้ การลงทุนภาครัฐที่เพิ่มขึ้นยังจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ และช่วยกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนในประเทศได้ มากขึ้น

  • ผู้อำนวยการ สศค. เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนกันยายน 2562 และไตรมาสที่ 3 ปี 2562 พบ
ว่า เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณการชะลอตัวจากการส่งออกสินค้า โดยมีสาเหตุมาจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ดี ในด้านการ
ผลิตพบว่าเศรษฐกิจไทยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ขยายตัวสูงสุดในรอบ 15 เดือน และภาคการเกษตรที่
ยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง ส่วนเสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี
  • ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กรณีที่สหรัฐฯ
ประกาศตัดสิทธิประโยชน์ทางภาษีศุลกากรทางการค้า (GSP) ที่เคยให้กับสินค้าไทยบางรายการเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น มาตรการ
ดังกล่าวไม่น่าจะกระทบต่อเป้าส่งออกสินค้าไทยไปยังสหรัฐฯ ในปี 2562 ที่วางไว้ว่าจะขยายตัว 4% เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่มีคำสั่งซื้อไว้
ล่วงหน้าและทยอยส่งมอบไปแล้ว ขณะที่ยอดส่งออก 9 เดือนแรกของปีนี้คิดเป็น 73-75% ของทั้งปี อย่างไรก็ตาม คาดว่าช่วงนี้ผู้นำเข้าจะ
เร่งซื้อสินค้าก่อนมาตรการจะมีผลบังคับใช้

อย่างไรก็ตาม กรมฯ ได้เตรียมมาตรการรองรับและเพิ่มกิจกรรมหาตลาดทดแทน พร้อมทั้งได้หารือกับภาคเอกชนเพื่อกำหนด ตลาดและกิจกรรมด้วยแล้ว

  • ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจธุรกิจและเศรษฐกิจฐานราก ธนาคารออมสิน เผย"ผลการ
สำรวจดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจฐานราก (GSI) ประจำไตรมาส 3 ปี 2562 พบว่า ดัชนี GSI ไตรมาส 3 ปี 2562 อยู่ที่ระดับ 44.9
ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2562 ที่อยู่ระดับ 42.4 เนื่องจากประชาชนฐานรากมีการปรับตัวให้สอดรับกับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน โดย
ระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้นและมีปัจจัยบวกจากผลผลิตและราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้นประกอบกับค่าจ้างแรงงานเฉลี่ยทั้งในภาค
เกษตรกรรมและนอกภาคเกษตรกรรมเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย
  • สำนักงานปริวรรตเงินตราแห่งชาติของจีน (SAFE) เปิดเผยว่า จีนได้ใช้มาตรการทางการเงิน 12 มาตรการ เพื่อ
อำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุนข้ามพรมแดน เนื่องจากจีนตั้งเป้าที่จะพัฒนาเศรษฐกิจอย่างมีคุณภาพในระดับสูง
  • รัฐสภาอังกฤษเตรียมลงคะแนนเสียงในวันนี้ว่าจะอนุมัติข้อเสนอจัดการเลือกตั้งในวันที่ 12 ธ.ค.นี้หรือไม่ ซึ่งหากรัฐสภา
โหวตรับรองข้อเสนอดังกล่าว นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษก็จะมีเวลาเตรียมตัวผลักดันร่างกฎหมายการถอนตัวของอังกฤษออก
จากสหภาพยุโรป (Brexit) ไปจนถึงวันที่ 6 พ.ย. ซึ่งจะเป็นวันยุบสภา
  • นักลงทุนรอดูผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 29-30 ต.ค.นี้ ซึ่งตลาดคาดการณ์
ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในการประชุมครั้งนี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ