พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน ประกาศนโยบาย 5 ด้านสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน โดยการจัดหาพลังงานให้เพียงพอต่อความต้องการในการพัฒนาประเทศ พร้อมทั้ง เดินหน้าศึกษาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ยกร่างแผนแม่บทพัฒนาพลังงานทดแทน ส่งเสริมการแข่งขันเป็นธรรม และ รณรงค์ประหยัดพลังงาน
ในการจัดหาพลังงานให้เพียงพอนั้น ทางการจะสนับสนุนการเพิ่มสัดส่วนการผลิตน้ำมันในประเทศจากวันละ 2 แสนบาร์เรลเป็นวันละ 2.5 แสนบาร์เรล หรือเพิ่มขึ้นจาก 28% เป็น 35% ภายในระยะเวลา 4 ปี และ เร่งจัดหาก๊าซธรรมชาติทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มีปริมาณสำรองเพียงพอที่จะใช้ไป 30 ปี, เร่งเดินหน้าเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา
รวมทั้งจัดหาพลังงานไฟฟ้าด้วยการกระจายความเสี่ยงเรื่องเชื้อเพลิง โดยเน้นก๊าซธรรมชาติ ถ่านหินสะอาด และพลังน้ำ, ให้ความสำคัญกับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนที่ใช้พลังงานทดแทน, ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) รักษากำลังผลิตไฟฟ้าติดตั้งไม่น้อยกว่า 50% ของกำลังการผลิตรวมทั้งประเทศ และรักษาระดับกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองของประเทศตามมาตรฐานสากล 15%
รมว.พลังงาน กล่าวอีกว่า ทางการยังจะเดินหน้าโครงการศึกษาโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ เพราะเห็นว่ายังมีความจำเป็น โดยจะต้องให้ความรู้และสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนก่อนที่จะมีการตัดสินใจ
ขณะเดียวกันต้องส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันและการกำกับดูแลกิจการด้านพลังงานให้มีราคาที่เป็นธรรม โดยจะต้องไม่สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน แต่ต้องเหมาะสมกับสภาพสังคมและเศรษฐกิจ
นอกจากนั้น จะส่งเสริมการพัฒนาพลังงานทดแทนทุกรูปแบบ โดยจะเน้นการพัฒนาพลังงานทางเลือกเพื่อทดแทนการใช้น้ำมัน เช่น แก๊สโซฮอล์ ตลอดจนส่งเสริมให้มีการใช้เพิ่มขึ้นจากวันละ 7 ล้านลิตร เป็นวันละ 12 ล้านลิตร ภายในต้นปี 52, เร่งพัฒนาไปสู่แก๊สโซฮอล์ อี 85 และ อี 100 เพื่อรองรับกำลังการผลิตเอทานอลที่จะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น และ ส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล บี 5
อีกทั้ง ส่งเสริมการใช้ก๊าซเอ็นจีวี โดยภายในปีนี้ตั้งเป้าปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์รถแท็กซี่เพิ่มขึ้นอีก 2 หมื่นคัน และเพิ่มเป็น 5 หมื่นคันภายในปี 52 และเพิ่มสัดส่วนการใช้เอ็นจีวีในภาคขนส่งเป็น 20% ภายใน 4 ปี
รมว.พลังงาน กล่าวว่า จะมอบหมายให้นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาพลังงานทดแทน(REDT) เพื่อรองรับการใช้งานในอีก 15 ปีข้างหน้า เน้นการพัฒนาอย่างครบวงจร โดยจะเริ่มโครงการหมู่บ้านพลังงานนำร่องจังหวัดละ 1 แห่ง
ด้านการส่งเสริมการประหยัดพลังงาน โดยตั้งเป้าการประหยัดพลังงานในปี 54 เพิ่มเป็น 20% จากเดิม 11%, ส่งเสริมการยกเลิกใช้หลอดไส้ทั่วประเทศ 30 ล้านหลอด ภายในปี 53, เปลี่ยนหลอดผอม 110 ล้านหลอด ภายในปี 55, เร่งรัดการติดฉลากเบอร์ 5 ให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศทุกเครื่อง และเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ติดฉลากแล้วให้สูงขึ้นอีก 10% ภายในปี 55, ขยายขอบเขตของสินเชื่อจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานให้ครอบคลุมไปถึงภาคครัวเรือน
และด้านส่งเสริมการพัฒนา ผลิต และการใช้พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 20% ต่อหนึ่งหน่วยพลังงานที่ใช้ในทุกภาคส่วน และตั้งเป้าหมายลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัทในกลุ่ม บมจ.ปตท.(PTT) และ บมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) ให้ได้ 20%
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--