นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการติดตามความคืบหน้ากรณีสหรัฐจะตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) กับสินค้าไทยว่า วันนี้ได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ไปประสานงานกับเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน ดีซี และทูตแรงงาน เพื่อจะได้นัดหมายไปหารือกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ซึ่งได้รับรายงานมาแล้วว่าจะมีการนัดหมายเข้าพบ เพื่อหารือกันในวันศุกร์นี้ (1 พ.ย.) โดยผลของการหารือจะได้นำเสนอให้ทราบต่อไป
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้เตรียมการรองรับในเรื่องของตลาด ซึ่งได้เตรียมการมาก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อจะบุกตลาดใหญ่ทั่วโลก 10 กลุ่ม ซึ่งเป็นตลาดที่มีประชากรจำนวนมากและมีศักยภาพสูง เช่น จีน อินเดีย สหรัฐอเมริกา
"การดำเนินการ จะลงลึกถึงรายมณฑล เช่น ในจีน หรือรายรัฐในสหรัฐอเมริกา ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ทำรายละเอียดมาว่า รัฐไหนมีความต้องการสินค้าและบริการอะไรของเรา และเราสามารถเจาะตลาดได้ในรูปแบบไหน ควรจะไปขายอะไร ดำเนินการลงลึกถึงรายละเอียด และผมจะทำหน้าที่ในการนำทัพเอกชนร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ไปบุกตลาดทั้ง 10 ตลาด+3 ประเทศใหญ่ ซึ่งได้มีการประชุม กรอ.พาณิชย์ ไปก่อนที่จะทราบว่ามีการตัดสิทธิ GSP สินค้าไทยแล้ว" นายจุรินทร์กล่าว
พร้อมระบุว่า ได้มอบให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์จัดตั้งวอร์รูมในเรื่อง GSP ขึ้นมาใน กรอ.พาณิชย์ เพื่อหารือร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชนที่ได้รับผลในเรื่องของภาษีที่ต้องจ่ายในการนำเข้าสินค้าไปยังสหรัฐเฉพาะรายการสำคัญที่ได้รับผลกระทบ โดยให้หารือกันและข้อสรุปร่วมกันในการที่กระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือและคลี่คลายปัญหา และจะนัดประชุมอีกครั้งหลังจากที่วอร์รูมได้มีข้อสรุปแล้ว
ทั้งนี้ สำหรับหมวดสินค้าที่ถูกสหรัฐตัด GSP มี 500 กว่ารายการนั้น จะมีภาระภาษีเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4.5% ในอัตราที่มากน้อยแตกต่างกันไป เช่น เคมีภัณฑ์ มีภาระภาษีเพิ่มขึ้น 0.1% จากเดิมที่ไม่มีการเรียกเก็บ หรือบางรายการอาจถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นกว่า 20% จากเดิมที่ไม่มีการเรียกเก็บเลย เช่น เครื่องครัวเซรามิก เครื่องใช้เซรามิกบนโต๊ะอาหาร