ธ.ก.ส.ดีเดย์ 1 พ.ย.โอนเงินประกันรายได้ชาวสวนยาง เล็งอัดฉีด 4.8 แสนลบ.ในช่วง 6 เดือนจากนี้หวังฟื้นเศรษฐกิจฐานราก

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 31, 2019 17:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ (1 พ.ย.) จะมีการโอนเงินงวดแรกผ่านบัญชี ธ.ก.ส.ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา 52,000 ราย คิดเป็นเงิน 176 ล้านบาท ตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง โดยมีเป้าหมายเกษตรกรทั้งเจ้าของสวนยางและคนกรีดยาง รวมกว่า 1.7 ล้านราย วงเงินรวม 23,472 ล้านบาท ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 งวด

นอกจากนี้ ในส่วนโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปี 2562 /63 วงเงิน 20,940 ล้านบาท เป้าหมายเกษตรกร 4.31 ล้านราย ที่ได้โอนเงินในรอบแรกไปแล้ว 349,300 ครัวเรือน เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา รวมเป็นเงินกว่า 9,411 ล้านบาท

ส่วนโครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2562 /63 ในอัตราไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ วงเงิน 24,810 ล้านบาท เป้าหมายเกษตรกร 4.31 ล้านครัวเรือน โอนไปแล้ว 3.99 ล้านครัวเรือน หรือ 98% ของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด คิดเป็นเงิน 23,929 ล้านบาท มีเพียงเกษตรกรในภาคใต้ ซึ่งฤดูกาลเพาะปลูกล่าช้ากว่าพื้นที่อื่น คาดว่าจะโอนเงินให้แล้วเสร็จภายในเดือนเม.ย.63

ขณะที่โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี 2562-2563 วงเงิน 13,000 ล้านบาท เป้าหมายเกษตรกร 263,107 ครัวเรือน โอนเงินรอบแรกไปเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 254,667 ครัวเรือน คิดเป็นเงิน 1,351 ล้านบาท โดยแบ่งจ่ายเป็น 8 งวด ทุกๆ 45 วัน

"รวมเม็ดเงินที่ธนาคารได้กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากไปแล้วทั้ง 4 โครงการ กว่า 34,600 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม มาตรการเป็นโครงการระยะสั้นที่กระตุ้นราคาตลาดให้ปรับตัวสูงขึ้นเท่านั้น แต่ทางธนาคารได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนช่องทางตลาดระยะยาว และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนในระยะยาวด้วย" ผู้จัดการ ธ.ก.ส.ระบุ

นายอภิรมย์ กล่าวว่า ในช่วง 6 เดือนจากนี้ นอกจากวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบายรัฐบาลประมาณ 8 หมื่นล้านบาท และยังมีเม็ดเงินเพื่อปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าของธนาคารอีกประมาณ 4 แสนล้านบาท รวมเป็น 4.8 แสนล้านบาท ที่จะอัดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยคาดว่าเม็ดเงินส่วนนี้จะสะพัดในเศรษฐกิจฐานรากเพิ่มขึ้นอีก 2.5 เท่า คิดเป็นเงิน 1.2 ล้านล้านบาท ตามที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประเมินไว้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ