นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมวอร์รูม ซึ่งประกอบด้วย หน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชนในกลุ่มสินค้าที่สหรัฐฯ จะตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) ว่า การประชุมครั้งนี้เป็นไปตามข้อสั่งการของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ที่มอบหมายให้ตนประชุมวอร์รูมร่วมกับภาคเอกชน เพื่อรับฟังผลกระทบ และข้อเสนอแนะต่างๆ ของภาคเอกชน ในการแก้ปัญหาหรือลดผลกระทบจากการถูกตัดสิทธิ GSP
ทั้งนี้ ภาคเอกชนส่วนใหญ่เห็นว่าการส่งออกสินค้าในกลุ่มที่ถูกตัด GSP จะได้รับผลกระทบไม่มากนัก มีเพียงบางรายการเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบมาก เพราะจะต้องกลับไปเสียภาษีนำเข้าในอัตราสูง เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์เซรามิค ที่จะกลับไปเสียภาษีสูงถึง 26% จากที่ไม่ต้องเสียภาษีเลย อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนเห็นว่ายังสามารถทำตลาดในประเทศอื่นๆ ได้อีกมาก ทดแทนการส่งออกไปสหรัฐฯ
"ภาคเอกชนส่วนใหญ่ บอกว่าได้รับผลกระทบไม่มากนัก เพราะได้ปรับตัวด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต เพิ่มความสามารถในการแข่งขันมานานแล้ว เนื่องจากรู้ว่าวันหนึ่งสหรัฐฯ ต้องตัดสิทธิจีเอสพีไทย และบอกอีกว่า สินค้าของตัวเองเหมาะกับตลาดไหนอีกบ้าง นอกเหนือจากสหรัฐฯ" ปลัดกระทรวงพาณิชย์กล่าว
สำหรับผลการประชุมวันนี้ จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ที่มี รมว.พาณิชย์เป็นประธาน ในช่วงต้นเดือนพ.ย.นี้ เพื่อนำมากำหนดเป็นแผนปฏิบัติในการแก้ปัญหาการถูกตัดสิทธิ GSP และแผนการทำตลาดสินค้ากลุ่มที่ถูกตัดสิทธิ ซึ่งจะทำควบคู่ไปกับแผนการเจาะตลาดเป้าหมาย 10 แห่งที่กระทรวงพาณิชย์กำลังดำเนินการอยู่ เช่น ในตลาดจีน หนึ่งในตลาดเป้าหมายที่ไทยต้องการบุกเจาะ หากเห็นว่าสินค้ากลุ่มถูกตัด GSP รายการใดเหมาะกับการบุกตลาดจีนบ้าง ก็จะผลักดันการส่งออกให้มากขึ้น เป็นต้น