นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า นับตั้งแต่วันนี้ กรมฯ จะเริ่มดำเนินการตรวจสอบผู้ขอยื่นจดทะเบียนธุรกิจอย่างเข้มงวด โดยขอความร่วมมือภาคธุรกิจที่ต้องการดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล ให้ระบุข้อมูลประเภทธุรกิจ (วัตถุประสงค์) ในแบบ สสช.1 และสถานที่ตั้งสำนักงานให้ถูกต้อง ตรงกับความเป็นจริง เพื่อประโยชน์ทั้งต่อตัวธุรกิจเอง ต่อหน่วยงานภาครัฐ และการนำข้อมูลไปใช้ในการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากนี้ หากมีการดำเนินการที่เข้าข่ายกระทำการฝ่าฝืนอันเป็นความเท็จ เบื้องต้น อาจดำเนินการเปรียบเทียบปรับ และหากยังเพิกเฉยมิได้ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องอาจร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีต่อไป
สืบเนื่องจากกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจได้จดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด แต่ไม่ได้ระบุข้อมูลประเภทธุรกิจ (วัตถุประสงค์) และสถานที่ตั้งสำนักงานให้ถูกต้องและตรงกับความเป็นจริง ส่งผลต่อหน่วยงานราชการอื่นที่เชื่อมโยงข้อมูลกับกรมฯ เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในการให้บริการประชาชนตามมาตรการอำนวยความสะดวกและลดภาระแก่ประชาชน โดยการไม่เรียกสำเนาเอกสารที่ทางราชการออกให้ตามนโยบายรัฐบาล และบางกรณีอาจทำให้เกิดปัญหาหรือข้อพิพาทระหว่างธุรกิจขึ้นภายหลัง อีกทั้ง ปัจจุบันโลกกำลังเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ การบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ให้มีความถูกต้อง ครบถ้วน และเชื่อถือได้ เป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของภาคธุรกิจ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐสามารถนำข้อมูลไปใช้บริการประชาชนและธุรกิจได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว อันจะนำไปสู่การบริหารจัดการข้อมูลภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ และเดินหน้าสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ออกประกาศกรมฯ เรื่อง การระบุข้อมูลประเภทธุรกิจ (วัตถุประสงค์) และสถานที่ตั้งสำนักงานให้ตรงกับข้อมูลที่แท้จริงในการยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด พ.ศ.2562 โดยมีสาระสำคัญ คือ ให้ผู้ขอยื่นจดทะเบียนธุรกิจต้องระบุข้อมูลประเภทธุรกิจ (วัตถุประสงค์) ในแบบ สสช.1 และสถานที่ตั้งสำนักงานให้ถูกต้อง ตรงกับความเป็นจริงที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจ โดยกรมฯ จะติดตาม ตรวจสอบความถูกต้องแท้จริงของข้อมูลการจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลประเภทธุรกิจ (วัตถุประสงค์) ที่ผู้ขอจดทะเบียนธุรกิจได้ระบุในแบบ สสช.1 และสถานที่ตั้งสำนักงานที่ได้แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หากพบว่ามีเจตนาที่จะระบุข้อมูลไม่ตรงต่อความเป็นจริง อาจเข้าข่ายเป็นการแจ้งความอันเป็นเท็จต่อทางราชการได้