ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 30.19 แกว่งตัวในกรอบแคบ นลท.จับตาทิศทางดอกเบี้ยจากการประชุมกนง.วันพรุ่งนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 5, 2019 17:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคาร เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 30.19 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 30.20/22 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับภูมิภาค โดยเฉพาะค่าเงินหยวนของจีนและเงินวอนของเกาหลีใต้ที่แข็งค่านำ ตลาด ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 30.19-30.21 บาท/ดอลลาร์ คาดนักลงทุนรอดูผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ( กนง.) ในวันพรุ่งนี้

"บาทแกว่งตัวในกรอบแคบๆ คาดรอดูผลประชุม กนง.วันพรุ่งนี้ว่าจะออกมาอย่างไร ระหว่างปรับลดดอกเบี้ยหรือคงอัตรา ดอกเบี้ยเท่าเดิม" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 30.10-30.25 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 108.85 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าอยู่ที่ระดับ 108.73/76 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1130 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าอยู่ที่ระดับ 1.1125/1129 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,626.87 จุด เพิ่มขึ้น 4.62 จุด, +0.28% มูลค่าการซื้อขาย 59,165.68 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,642.43 ล้านบาท (SET+MAI)
  • กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) ในงาน "Joint BOT-IMF High level Conference" ว่า ประเทศไทยนั้น ยังเผชิญกับกับท้าทายจากปัจจัยด้านต่างประเทศ
และในประเทศ โดยปัจจัยด้านต่างประเทศนั้น ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศที่เป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจ ถือเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งต่อการ
เติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน เป็นตัวเร่งให้เกิดเงินทุนเคลื่อน
ย้ายระหว่างประเทศ และส่งผลต่อการแข็งค่าของเงินสกุลต่างๆ อย่างรวดเร็ว ซึ่งล้วนก่อให้เกิดเป็นข้อจำกัดต่อขีดความสามารถในการ
ดำเนินนโยบายการเงิน
  • โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการหารือระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.
กลาโหม และนางคริสตาลีนา กอร์เกียว่า กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ว่า ทาง IMF เห็นว่าไทยยังมีช่อง
ว่างในเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่สามารถนำมาเป็นเครื่องมือช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และไทยยังมีโอกาสที่จะพัฒนาศักยภาพของประเทศเพิ่มเติมได้
อีกมาก ทั้งเรื่องปรับโครงสร้างการศึกษาการพัฒนาทักษะบุคลากร
  • ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) คงคาดการณ์การส่งออกไทยในปี 2562 หดตัว -1.5% และคาด
การณ์การส่งออกปี 63 เติบโต 0-1%
  • นายกรัฐมนตรีไทยและจีน ได้ร่วมกันกำหนดแนวทางการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน
หลังจากนั้นผู้นำทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 3
ฉบับ
  • ประธานาธิบดีจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า จีนกำลังเตรียมออกมาตรการเพิ่มเติม 5 รายการ เพื่อส่งเสริมการเปิดกว้างทาง
เศรษฐกิจ และจะเปิดกว้างตลาดให้เข้าถึงได้มากขึ้นเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ พร้อมปรับลดรายการธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้ต่าง
ชาติเข้ามาลงทุน (negative list)
  • ธนาคารกลางจีนได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยโครงการเงินกู้ระยะกลาง (medium-term lending facility - MLF)
ประเภท 1 ปี ลง 0.05% สู่ระดับ 3.25% ในวันนี้ จากระดับ 3.30% ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปี 2559 ที่ธนาคารกลางจีนปรับลดอัตรา
ดอกเบี้ย MLF โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวลง อันเป็นผลมาจากอุปสงค์ที่ซบเซาทั้งภายในและต่างประเทศ
  • รองผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยในวันนี้ว่า BOJ กำลังดำเนินนโยบายโดยให้ความสำคัญกับการผ่อนปรน
มากกว่าการคุมเข้ม และไม่ลังเลที่จะผ่อนคลายนโยบายเพิ่มอีก หากมีแรงกดดันด้านราคา
  • สหรัฐประกาศเริ่มกระบวนการถอนตัวออกจากความตกลงปารีสอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์
ทรัมป์ได้ประกาศเมื่อ 3 ปีที่แล้วว่า มีแผนจะถอนตัวออกจากความตกลงดังกล่าว โดยกล่าวว่าความตกลงดังกล่าวไม่ยุติธรรมกับสหรัฐ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ