"สมคิด" รับเศรษฐกิจไทยปีหน้ายังเสี่ยง แนะมองโอกาสในวิกฤตฉวยจังหวะลงทุนก้าวต่อ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 6, 2019 12:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา "THAILAND 2020 #ก้าวข้ามพายุเศรษฐกิจ"ว่า แนวโน้มของเศรษฐกิจไทยในปี 63 ยังคงเผชิญกับความท้าทาย จากปัจจัยเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่มาจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะปัจจัยของสงครามการค้าที่ยังไม่มีความชัดเจนออกมา จึงอาจส่งผลกระทบต่อการค้าขายและการเติบโตของเศรษฐกิจโลกไปถึงปี 64 โดยในปีนี้จะเห็นได้ว่าสงครามการค้าส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก รวมไปถึงการค้าและการส่งออกของประเทศต่างๆ รวมไปถึงประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบไปด้วย ทำให้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกเกิดการชะลอตัวค่อนข้างมาก

อย่างไรก็ตาม ในภาวะที่มีปัจจัยเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่เป็นปัจจัยลบอยู่รายล้อม มองว่ายังมีโอกาสที่ทุกคนสามารถนำมาใช้ในการสร้างประโยชน์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทยจะต้องทำและเดินหน้าเพื่อทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโต และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

โดยหลังจากผ่านพ้นการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 (Asean Summit ครั้งที่ 35) ที่จัดในประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมาถือว่าได้มีข้อตกลงและความร่วมมือกับประเทศต่างๆเป็นอย่างดี โดยจีนที่ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพื่อใช้เป็นฐานการผลิตใหม่ ถือว่าเป็นโอกาสให้กับประเทศไทยในการดึงดูดการลงทุนของจีนเข้ามา เพื่อนำเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยของจีนเข้ามาต่อยอดและพัฒนาอุตสาหกรรมให้กับประเทศไทย

นายสมคิด กล่าวว่า การเดินหน้าการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติเข้ามานั้น รัฐบาลได้เร่งการเดินหน้าหารลงทุนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ให้เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงไปยัง EEC เช่น การลงทุนโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน พร้อมกับการผลักดันพัฒนาพื้นที่ใน EEC ที่ได้เร่งการจัดทำผังเมืองของ EEC และออกกฏหมาย EEC ประกอบกับการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนคิดแพ็คเกจที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุน เพื่อเป็นการฉวยโอกาสในภาวะที่สถานการณ์ทั่วโลกเปรียบเสมือนถูกพายุโหมซัดเข้ามาในขณะนี้

นอกจากนี้ รัฐบาลยังเร่งให้เกิดการพัฒนาด้านเทคโนโลยีการสื่อสารและการรับส่งข้อมูล ผ่านการเดินหน้าประมูล 5G ซึ่งได้มีการพูดคุยกับทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ให้เกิดการประมูล 5G ให้เร็วที่สุดในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. 63 เพื่อเริ่มใช้ให้ได้ในช่วงกลางปี 63 เชื่อว่าจะช่วยให้สามารถแข่งขันได้กับในหลายประเทศในอาเซียนที่มีแผนเปิดให้บริการ 5G ในปีหน้า ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม

ทั้งนี้ การเปิดให้บริการ 5G จะเป็นการเสริมศักยภาพให้การดำเนินธุรกิจและการติดต่อค้าขายมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น และจะนำไปสู่การต่อยอดในการลงทุนด้านการทำ Data Center ของประเทศไทย เพราะปัจจุบันข้อมูลที่เกิดขึ้นและรวบรวมมีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้มีความต้องการใช้แหล่งสำรองข้อมูลมากขึ้นในอนาคต ซึ่งถือเป็นโอกาสของประเทศไทยในการผลักดันการลงทุนโครงการ Data Center และดึงดูดให้บริษัทชั้นนำต่างๆของโลกเข้ามาใช้บริการในประเทศไทย

ขณะเดียวกันในภาวะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าในปัจจุบัน ถือว่าเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการและนักลงทุนไทยจะใช้โอกาสนี้ในการเข้าลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนด้านการซื้อเครื่องจักรที่ทันสมัยเข้ามาพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต และทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง เพื่อเป็นการเพิ่มความสามารถให้กับธุรกิจ และเป็นการเตรียมความพร้อมในการดำเนินธุรกิจในอนาคตข้างหน้า ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสในการลงทุนที่มีต้นทุนที่ถูกลงในช่วงที่ค่าเงินบาทแข็งค่า

"มองโลกต้องมองทั้ง 2 ด้านทั้งบวกและลบ เราก็ผ่านวิกฤตต่างๆมาเยอะ แต่ก็ยังมีโอกาสในช่วงที่เกิดวิกฤต ถ้าเรามองทุกอย่างเลวร้ายก็จะเป็นภาพลบไปหมด เราก็จะไม่ได้ประโยชน์อะไร แต่ถ้าเรามองว่าช่วงที่ไม่ดียังมีโอกาสให้กับเราได้ และใช้สิ่งนี้เป็นการสร้างประโยชน์ให้กับเรา จะทำให้เราก้าวไปข้างหน้าและฝ่าฝันวิกฤตไปได้ แต่ก็ต้องอาศัยความร่วมมือกับทุกฝ่ายที่ต้องทำงานร่วมกัน เพื่อนำพาประเทศก้าวไปข้างหน้า"นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวว่า รัฐบาลยังคงเร่งเดินหน้าผลักดันการลงทุนและการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้เติบโตขึ้นได้ในปี 63 หลังจากที่งบประมาณปี 63 ได้ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว และจะเริ่มเบิกใช้งบได้ตั้งแต่เดือนม.ค. 63 ทำให้จะเริ่มเห็นความชัดเจนจากการผลักดันการลงทุนโครงการต่างๆออกมา รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆที่จะช่วยเหมือในทุกภาคส่วน ทำให้การบริโภคในประเทศมีการเติบโตขึ้น รวมไปถึงการช่วยเหลือกลุ่มคนยากจน และการลดความยากจนให้ลดลง พร้อมกับยกระดับความสามารถของแรงงานไทยให้มีทักษะมากขึ้น เพื่อทำให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถให้กับประเทศไทยในการแข่งขันกับประเทศอื่นๆในโลก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ