นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฎิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังขอความร่วมมือธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ผู้บริหาร 3 สมาคมอสังหาฯ ประกอบด้วย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมบ้านจัดสรร รวมทั้งผู้ประกอบการอสังหาฯ รายย่อย จัดทำโครงการ "บ้านในฝัน รับปีใหม่" ด้วยการออกโปรโมชั่นยิ่งใหญ่สุดอลังการส่งท้ายปี 2562 โดยใช้สโลแกน ซื้อปุ๊บ โอนปั๊บ รับทันที 3 สิทธิพิเศษ
สิทธิที่ 1. กู้ ธอส. ดอกเบี้ยคงที่ 2.5% นาน 3 ปี วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท หมดแล้วหมดเลย สิทธิที่ 2. ฟรีทันที ค่าโอนและค่าจดจำนอง และสิทธิที่ 3. รับโปรโมขั่น ลดแลกแจกแถม พร้อมส่วนลดพิเศษสุดอลังการจากโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าร่วม ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ และคอนโดมิเนียม ทั้งนี้กำหนดให้เฉพาะที่อยู่อาศัยวงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยโครงการ "บ้านในฝัน รับปีใหม่" จะเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 เท่านั้น
วัตถุประสงค์หลักเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพี่น้องประชาชน ให้มีบ้านเป็นของตัวเอง สร้างความมั่นคงให้ครอบครัว ซึ่งเป็นการส่งเสริมการออมที่มีความสำคัญประการหนึ่ง โดยตั้งเป้าอยู่ที่ 35,000 ยูนิต ซึ่งผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ทุกรายสามารถเข้าร่วมโครงการได้พร้อมกันทั่วประเทศ โดยติดต่อลงทะเบียนผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ที่มีสาขากระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ พร้อมสามารถขอดาวน์โหลดไฟล์โครงการ "บ้านในฝัน รับปีใหม่" เพื่อทำป้ายประชาสัมพันธ์ติดหน้าโครงการได้ทันที
ทั้งนี้ หวังว่าแคมเปญดังกล่าวจะเป็นที่สนใจของพี่น้องประชาชนที่ยังไม่มีและกำลังมองหาที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง สามารถกระตุ้นยอดขายและเร่งให้เกิดการโอนในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ได้เป็นอย่างดี อันจะช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ ธุรกิจก่อสร้าง และธุรกิจพัฒนาการคมนาคมมีความคึกคักมากขึ้น และช่วยให้เม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศได้อีกทางหนึ่ง โดยคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลดีในระยะยาวต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 2563 ให้เติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 5%
นายชาญกฤช กล่าวว่า หากโครงการดังกล่าวก่อนได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีก็จะมีการพิจารณาเสนอให้นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง พิจารณาขยายขอบเขตของโครงการให้ครอบคลุมที่อยู่อาศัยที่มีราคาสูงขึ้น ตั้งแต่ 4-5 ล้านบาท
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า มาตรการกำกับดูแลสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถือเป็นมาตรการที่ดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ แต่ส่งผลให้ยอดที่อยู่อาศัยชะลอตัวลงบ้าง ตรงนี้เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัว
สำหรับโครงการดังกล่าวที่ออกมานี้ต้องรอดูว่าจะมีผลกับภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างไร ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลัก ประมาณ 500 ราย ที่พร้อมเข้าร่วมโครงการดังกล่าว และพร้อมจะประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าร่วมโครงการด้วย เพื่อเป็นประโยชน์กับประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง