แฟนนี่ เม และเฟรดดี แมค จะได้รับไฟเขียวให้ขยายขอบเขตการทำธุรกิจในตลาดจำนองที่อยู่ในสภาพผันผวนต่อไป แม้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยที่ย่ำแย่ของสหรัฐจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อทั้งสองบริษัท
แฟนนี่ เม ซึ่งเป็นบริษัทสินเชื่อบ้านรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยว่า บริษัทขาดทุนเกือบ 3.6 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 ปี 2550 จากปัญหาอัตราการค้างชำระเงินกู้ซื้อบ้านและการเก็งกำไรจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ขณะที่เฟรดดีได้รับการคาดหมายว่าจะมียอดขาดทุนไตรมาส 4 ที่ 1.5 พันล้านดอลลาร์
ภายใต้ข้อตกลงกับหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลกลางนั้น การยื่นรายงานผลประกอบการทางการเงินของแฟนนี่และเฟรดดีส่งผลให้มีการยกเลิกเพดานการลงทุนที่ได้มีการนำมาใช้หลังจากที่เกิดเหตุอื้อฉาวด้านการบัญชีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์กับบริษัทที่รัฐบาลให้การสนับสนุน
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์กล่าวว่าผลกระทบคงจะเกิดขึ้นในระดับที่จำกัด เนื่องจากแฟนนี่ซึ่งมีเงินสดจำนวนมากพยุงอยู่ และบริษัทสินเชื่อบ้านรายใหญ่อันดับ 2 อย่าง เฟรดดี จะต้องต้องสำรองเงินสดไว้เพื่อป้องกันความเสี่ยง ซึ่งภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อทำให้การระดมทุนเพิ่มเติมของแฟนนี่และเฟรดดีต้องใช้ต้นทุนที่สูงขึ้น
แฟนนี่ ซึ่งมีมุมมองที่เป็นลบกับตลาดที่อยู่อาศัยในปีนี้ ชี้ว่า ยอดขาดทุนไตรมาส 4 เกือบ 90% นั้นเกิดขึ้นจากการลงทุนที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของสมมติฐานว่า อัตราดอกเบี้ยที่ร่วงลงอาจจะทำให้มูลค่าเงินจำนองสูงขึ้น สำนักข่าวเอพีรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--