ครม.สัญจร ไฟเขียวงบฯ กว่า 9.6 พันลบ. ประกันรายได้มันสำปะหลัง พร้อมจ่ายเงินงวดแรก 1 ธ.ค.

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 12, 2019 14:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) มีมติเห็นชอบโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังปี 62/63 วงเงิน 9,671 ล้านบาท โดยประกันรายได้หัวมันสำปะหลังสด เชื้อแป้ง 25% ในพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังทั่วประเทศ พร้อมทั้งกำหนดราคาและปริมาณประกันรายได้ กิโลกรัมละ 2.50 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 100 ตัน

"ถือเป็นพืชเกษตรตัวที่ 4 ที่มีการประกันรายได้ให้กับเกษตรกร หลังจากข้าว ปาล์มน้ำมัน ยางพารา" รองโฆษกฯ กล่าว

ทั้งนี้ เกษตรกรผู้มีสิทธิได้รับเงินส่วนต่าง ได้แก่ เกษตรกรทุกรายที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูก และแจ้งระยะเวลาเก็บเกี่ยวกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งได้เงื่อนไขการใช้สิทธิ เกษตรกรหนึ่งครัวเรือนใช้สิทธิได้1ครั้ง ซึ่งการชดเชยส่วนต่างนั้น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) จะโอนเงินชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาเป้าหมายกับราคาเกณฑ์อ้างอิงเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง โดยคาดว่าจะมีผู้ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิประกันรายได้ 540,000 ราย

ทั้งนี้ระยะเวลาดำเนินการ ช่วงเวลาขึ้นทะเบียนเริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม เป็นต้นมา ส่วนระยะเวลาใช้สิทธิ สามารถใช้สิทธิได้ในช่วงการเก็บเกี่ยวที่ระบุไว้ในทะเบียนเกษตรกร โดยรัฐบาลจะจ่ายเงินส่วนต่างครั้งแรกในวันที่ 1 ธันวาคม 2562 และจ่ายต่อไปทุกวันที่ 1 ของเดือน เป็นเวลา 12 เดือน สำหรับเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวก่อนวันที่ 1 ธันวาคม 2562 ให้มีสิทธิรับเงินชดเชยในวันที่ 1 ธันวาคม 2562 และมีระยะเวลาโครงการ 1 ตุลาคม 2562-31 ธันวาคม 2563

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ออกมาตรการคู่ขนานเพื่อรักษาเสถียรภาพราคามันสำปะหลัง ประกอบด้วย 1.การดูแลความเป็นธรรมในการซื้อขายมันสำปะหลัง กำหนดให้มีการตรวจสอบคุณภาพ การหักน้ำหนักสิ่งเจือปน การกำหนดให้โรงงานมันเส้นและแป้งมันมีเครื่องร่อนสิ่งเจือปนก่อนรับซื้อ รวมถึงการแสดงราคารับซื้อ

2.การบริหารจัดการนำเข้าส่งออก ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศต้องกำกับดูแลอย่างจริงจัง ต้องตรวจสอบคุณภาพให้เป็นไปตามาตรฐาน และลงโทษผู้กระทำผิดตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด

3.โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลัง ให้ ธ.ก.ส.จัดสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนในการพัฒนาการผลิตและลดต้นทุนของเกษตรกรโดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม จัดสินเชื่อ โดยตั้งเป้าหมาย 5,000 ราย รายละไม่เกิน 230,000 บาท วงเงินกู้รวม 1,150 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ย 3 %

4.โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมมันสำปะหลังและสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยให้ธ.ก.ส.จัดสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกรที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับมันสำปะหลัง หรือสถาบันเกษตรกรที่มีสมาชิกประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์เป็นหลัก นำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรวบรวมหรือซื้อมันสำปะหลังสด มันเส้น เพื่อไปจำหน่ายต่อ หรือแปรรูป เพื่อดูดซับปริมาณผลผลิตในช่วงล้นตลาด วงเงินจัดสรรสำหรับโครงการนี้ 1,500 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ย 4 %

5.ส่งเสริมการใช้มันสำปะหลังในประเทศเพิ่มขึ้น โดยพัฒนาการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพและอุตสาหกรรมอาหาร

6.เพิ่มช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง โดยเฉพาะแอลกอฮอล์ที่ผลิตจากมันสำปะหลังและกากน้ำตาล ซึ่งปัจจุบันมีตลาดรองรับที่จำกัด โดยเฉพาะการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง สามารถดูดซับหัวมันสดได้เพียง 2.5 ล้านตันเท่านั้น และเพื่อให้เกิดการใช้มันสำปะหลังและพืชเกษตรในการผลิตแอลกอฮอล์ จะต้องมีการแก้ไขข้อจำกัดใน พ.ร.บ.สุรา พ.ศ.2493 เพื่อเปิดช่องให้โรงงานเอทานอลที่ใช้สินค้าเกษตรเป็นวัตถุดิบสามารถผลิตและจำหน่ายเอทานอลให้แก่อุตสาหกรรมอื่นได้ นอกเหนือจากการใช้เป็นเชื้อเพลิง ที่ประชุมครม. ยังได้อนุมัติเงินชดเชยให้กับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิและไม่จำกัดช่วงเวลาการปลูก ในโครงการป้องกันและกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลัง จากเดิมที่ชดเชยแก่เกษตรกรที่มีเอกสารสิทธิถูกต้องตามกฏหมายเท่านั้นส่งผลทำให้การกำจัดท่อนพันธุ์และการจัดการการระบาดของโรคใบด่างไม่สามารถทำได้อย่างทั่วถึง

อย่างไรก็ตาม รองโฆษกฯ ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำในที่ประชุมครม.ว่า การเข้าดูแลเกษตรกรที่ไม่มีเอกสารสิทธิ ไม่ได้เป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าไปรุกล้ำที่ดินสาธารณะ แต่ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฏหมายต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ