น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร มีมติอนุมัติปรับกรอบวงเงินค่าก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง โดยแล้วเสร็จไป 1 สัญญา จากทั้งหมด 25 สัญญา ถือว่าล่าช้ากว่าแผนงานที่กำหนดไว้ 56%
"สาเหตุที่โครงการล่าช้ามาจากปัญหาการส่งมอบที่ดิน และการขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับการเวนคืนที่ดิน อีกทั้งมีการปรับแก้ไขรูปแบบการก่อสร้างให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของหน่วยงานราชการ และปรับแบบให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ในความเป็นจริง" รองโฆษกฯ กล่าว
นอกจากนี้ ราคาที่ดินในบริเวณดังกล่าวยังสูงขึ้นจากในช่วงแรกที่เริ่มอนุมัติโครงการ ซึ่งได้ใช้ราคาประเมินที่ดินในปี 51-55 และเริ่มก่อสร้างและจ่ายค่าเวนคืนในปี 58 ซึ่งล่าสุดราคาที่ดินในบริเวณดังกล่าวได้ปรับเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมีการพัฒนาพื้นที่โดยรอบ เช่น ทางพิเศษศรีรัช, โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง และศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสต์เกท
"ที่ดินบริเวณดังกล่าวมีมูลค่าสูงขึ้น กรมทางหลวงจึงขออนุมัติวงเงินเพิ่มอีก 12,032 ล้านบาท คิดเป็นพื้นที่ 2,527 แปลง...เดิมมีเงินเหลือจากการประกวดราคาอยู่ 5,225 ล้านบาท และมีงบเดิมที่ตั้งไว้แล้วอีก 5,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงขาดอีก 1,807 ล้านบาท ซึ่ง ครม.ได้อนุมัติเพิ่มเติมในวันนี้" น.ส.ไตรศุลีกล่าว
อย่างไรก็ดี สำหรับงบประมาณเดิมที่ตั้งไว้สำหรับการก่อสร้างโครงการดังกล่าว อยู่ที่ 49,120 ล้านบาท
"เมื่อได้เงินค่าเวนคืนแล้ว คาดว่าจะเวนคืนที่ดินให้แล้วเสร็จในปี 2563 และจะเร่งก่อสร้างให้เสร็จในปี 2566" รองโฆษกฯ ระบุ
ด้านนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า เมื่อได้รับอนุมัติกรอบวงเงินเพิ่มเติม กรมทางหลวง จะได้ส่งมอบพื้นที่ เร่งรัดให้ผู้รับจ้างเข้าทำงานต่อตามแผนงาน และคาดว่าจะแล้วเสร็จทุกสัญญา ในต้นปี 2566
สำหรับงานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินวงเงินที่ได้รับอนุมัติ เป็นเงิน 5,420 ล้านบาท ปัจจุบันเบิกจ่ายไปหมดแล้วยังขาดอีก 12,032 ล้านบาท รวมเป็นเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งหมด 17,452 ล้านบาท วงเงินที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากกรอบวงเงินเดิมที่ได้รับการอนุมัติ ในปี 2558 ได้จากการประมาณราคาค่าเวนคืนเบื้องต้น โดยใช้ราคาประเมินทุนทรัพย์เป็นหลัก ต่อมาในปี 2559 ได้มีการเข้าสำรวจพื้นที่จริง ทั้งที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และต้นไม้อย่างละเอียด พบว่ามีจำนวนมากกว่าที่ได้ประมาณการเบื้องต้น ประกอบกับมีการพัฒนาพื้นที่ เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดโครงการสำคัญตามแนวเส้นทางมอเตอร์เวย์และบริเวณใกล้เคียง ส่งผลทำให้สภาพการใช้พื้นที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก
คณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้น จึงได้กำหนดราคาค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินตามสภาพความเป็นจริง โดยได้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 ทุกประการ ส่งผลให้วงเงินสูงเพิ่มมากขึ้น เมื่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติกรอบวงเงินเพิ่มเติม กรมทางหลวงจะเร่งจ่ายเงินให้ประชาชนที่ถูกเวนคืนภายในเดือนมีนาคม 2563 ครบทุกราย
อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวต่อว่า นอกจากงานโยธาและงานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินแล้ว ยังมีการลงทุนงานระบบต่างๆ ซึ่งจะรวมอยู่ในขอบเขตของสัญญาการให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP) ในส่วนของการดำเนินงาน และบำรุงรักษา (O&M) เช่นเดียวกับทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา ซึ่งประกอบด้วย ด่านเก็บค่าผ่านทาง ระบบควบคุมและบริหารการจราจรและ ด่านชั่งน้ำหนักคาดว่าจะเซ็นสัญญา O&M ได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 และกระทรวงคมนาคมมีแผนที่จะเปิดให้บริการตลอดสาย ภายในปี 2566 จะทำให้การเดินทางจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ไปยังภาคตะวันตกของประเทศเป็นไปโดยสะดวก มีส่วนสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในภูมิภาคให้ดีขึ้น และจะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมขนส่ง รวมทั้งการท่องเที่ยว ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศให้มีเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและยั่งยืน
ทั้งนี้ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี เป็นเส้นทางเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคมสู่ภาคตะวันตก โดยมีจุดเริ่มต้นต่อเนื่องจากทางหลวงหมายเลข 9 สายกาญจนาภิเษก ถนนวงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก ผ่านพื้นที่ อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี, อำเภอนครชัยศรี อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม, อำเภอท่ามะกา และไปสิ้นสุดที่อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ระยะทางรวม 96.410 กิโลเมตร ลักษณะโครงการเป็นทางหลวงพิเศษขนาด 4 - 6 ช่องจราจร มูลค่าโครงการรวม 49,120 ล้านบาทโครงการก่อสร้างงานโยธา มีจำนวนทั้งหมด 25 สัญญา