นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า จากบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินโครงการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ของหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงการคลัง ที่ได้ลงนามร่วมกันเมื่อวันที่ 27 ก.ย.62 นั้น การลงนามความร่วมมือสำหรับแต่ละโครงการในวันนี้จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของการ Execution โครงการใช้เทคโนโลยี Blockchain ประกอบด้วย 3 โครงการ ซึ่งจะนำกระทรวงการคลังไปสู่ Digital Platform อย่างเต็มรูปแบบ ได้แก่
โครงการการออมผ่านพันธบัตรรัฐบาลด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (DLT Scripless Bond) โดยรัฐบาลจะเริ่มออกพันธบัตรออมทรัพย์รัฐบาลผ่านระบบบล็อกเชนราวเดือนเม.ย. หรือ พ.ค.63 ซึ่งจะช่วยให้การออกพันธบัตรรัฐบาล การจำหน่าย รวมถึงการรับฝากหลักทรัพย์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้ประชาชนทุกระดับชั้นสามารถเข้าถึงการออมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้เกิดความคล่องตัวทั้งในตลาดแรกและขยายตัวสู่ตลาดรองในอนาคต เสริมสร้างความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ด้วยระบบจองก่อนได้ก่อน (First Come First Serve) ในการจัดจำหน่าย และช่วยลดขั้นตอนในกระบวนการต่างๆ ให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ระบบบล็อกเชนยังช่วยสนับสนุนให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการจองซื้อพันธบัตร เพิ่มความสะดวกในการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนของตนเอง และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ โดยลดระยะเวลาในกระบวนการออกใบพันธบัตรทั้งหมด จากเดิม 15 วันเหลือไม่ถึง 2 วัน
โครงการการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว (VAT Refunds for Tourists) เป็นความร่วมมือกันระหว่างกรมสรรพากร กรมศุลกากร และธนาคารกรุงไทย ในการนำระบบบล็อกเชน มาใช้ในการคืนภาษีให้กับนักท่องเที่ยว ผ่าน Mobile Application โดยในระยะที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มปีละไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน ยอดมูลค่าการซื้อสินค้าประมาณ 5 หมื่นล้านบาท และมีจำนวนนักท่องเที่ยวขอคืนภาษี เฉลี่ย 2 แสนรายต่อเดือน
จากสถิติส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนที่ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสูงสุด ประมาณ 70% และชาวจีนส่วนใหญ่จะไม่นิยมใช้เงินสด เข้าสู่ยุคสังคมไร้เงินสด (Cashless society) ซึ่งโลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เริ่มเข้าสู่ยุคดิจิทัล ทำให้ภาครัฐต้องยกระดับการให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการ และต้องปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้นการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้กับระบบการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว จะช่วยเพิ่มความโปร่งใส มีความปลอดภัยสูง ปลอมแปลงได้ยาก และสามารถตรวจสอบได้
นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติการของภาครัฐ โดยช่วยลดเรื่องการตรวจเอกสาร ลดการใช้กระดาษได้สูงสุด 10 ล้านใบต่อปี ลดต้นทุนในการจัดการ ลดความหนาแน่นของคิวที่สนามบิน ลดต้นทุนในการบริหารจัดการเงินสด และสามารถคัดแบบข้อมูลการเดินทางเข้า-ออกได้ทันที จากเดิมใช้เวลาประมาณ 2 เดือน
"เหล่านี้ ล้วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวของประเทศ การกระจายรายได้ไปยังผู้ประกอบการรายย่อย การสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชนระดับรากหญ้า ซึ่งขณะนี้ โครงการได้ผ่านการทดสอบอย่างเต็มรูปแบบเรียบร้อยแล้ว และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้" รมว.คลังกล่าว
โครงการระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (Government Procurement : e-GP) ซึ่งประกอบด้วย 2 โครงการย่อย คือ 1) e-LG การออกหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ประกอบการในระบบ e-GP ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนและการตรวจสอบหลักประกันของผู้ประกอบการ และสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของหลักประกันที่นำมาใช้ โดยผู้ประกอบการสามารถขอ e-LG จากทุกธนาคารและผ่านระบบบล็อกเชนที่พัฒนา
2) e-Credit Confirmation โดยบล็อกเชนของ e-GP มีการรวบรวมข้อมูลประวัติของผู้ประกอบการนิติบุคคล รวมถึงระบบ Rating ของผู้ประกอบการตามผลงานในการทำงานกับภาครัฐ สามารถช่วยให้ผู้ประกอบการลดระยะเวลา และภาระของผู้ประกอบการในการจัดเตรียมเอกสาร เพื่อขอขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการและการยื่นเสนอราคา โดยจากข้อมูล ปี2562 ภาครัฐมีการจัดซื้อจัดจ้างกว่า 3.6 ล้านโครงการ วงเงินรวมกว่า 1.4 ล้านล้านบาท ลดภาระให้ผู้ประกอบการกว่า 270,000 ราย เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ สร้างความโปร่งใสของระบบการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งช่วยผลักดันการใช้งบประมาณในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่รากหญ้าให้เร็วที่สุด
นอกจากนี้ ยังสามารถเชื่อมโยงกับระบบของสถาบันการเงิน และระบบการประเมินคุณภาพแบบบูรณาการของผู้ประกอบการที่ร่วมงานกับภาครัฐได้อีกด้วย
ในเดือนธันวาคม 2562 ผู้ประกอบการสามารถขอหนังสือรับรองวงเงินสินเชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Credit Confirmation ) ของธนาคารกรุงไทยผ่านระบบ e–GP ได้ทันที โดยธนาคารกรุงไทยเป็นธนาคารแห่งแรกที่สามารถให้บริการดังกล่าวได้
"นับเป็นก้าวแรก ที่กระทรวงการคลังนำดิจิทัลสร้างเศรษฐกิจสู่ชุมชน และก้าวที่สำคัญในการบูรณการความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดกระทรวงการคลัง และองค์กรชั้นนำที่สำคัญของประเทศ ที่ร่วมกันสร้างความแข็งแกร่ง ด้วยการนำนวัตกรรม และเทคโนโลยีบล็อกเชนมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนและประเทศชาติ เข้าสู่ Thailand 4.0 อย่างเต็มรูปแบบ" รมว.คลังระบุ