นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ยังคงประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยปีนี้ที่ 4.5-5% บนสมมุติฐานการส่งออกขยายตัว 10-12.5% เกินดุลการค้า 3,000-5,000 ล้านหรียญสหรัฐ เกินดุลบัญชีเดินสะพัด 7,000-8,000 ล้านเหรียญ อัตราเงินเฟ้อที่ 3.3-4% อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท 32 บาท/เหรียญสหรัฐ น้ำมันดิบไม่เกิน 80 เหรียญ/บาร์เรล
ขณะที่ปัจจัยลบยังคงเป็นเรื่องค่าเงินบาทแข็ง เศรษฐกิจโลกชะลอตัว การบริโภคและการขยายตัวในภูมิภาคจะไม่มากนักในครึ่งปีแรก ความกังวลต่อปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น น้ำมันแพง ที่กระทบต่อกำลังซื้อ
"เศรษฐกิจไทยจะลดลงจาก 4.5% เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่สงบ และรุนแรงจนต้องยุบพรรคการเมือง หรือเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ส่วนการกลับมาของพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่น่าจะเป็นเหตุเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ซึ่งโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงจนกระทบต่อการเมืองอีกครั้งให้น้ำหนักเพียง 1 ใน 4 ส่วน หรือไม่เกิน 10-20% แต่ประชาชนก็ยังไม่สบายใจต่อเสถียรภาพทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ไม่เห็นด้วยที่กระทรวงการคลังเพิ่มการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้เป็น 6% เพราะเอกชนยังรอผลการปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลว่าจะได้มากน้อยแค่ไหน" นายธนวรรธน์กล่าว
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การกลับมาของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อมาเข้าขบวนการแก้ต่างของศาล ไม่น่าจะมีผลต่อการก่อความไม่สงบ แต่อาจมีการประท้วงเล็กน้อย เพราะเชื่อว่า ประชาชนเห็นบทเรียนที่เกิดขึ้นมาแล้วใน 2 ปีที่ผ่านมา
ส่วนเหตุการณ์ไม่สงบมีผลต่อการชะลอการลงทุนบ้าง แต่ที่ต่างชาติต้องการคือ ความชัดเจนในเรื่องการแก้ไขพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และ ทบทวนมาตรการกันสำรอง 30%
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--