พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเพื่อยกระดับการท่องเที่ยวไทยว่า การประชุมวันนี้ได้หารือในภาคการท่องเที่ยว ซึ่งได้รับฟังจากภาคธุรกิจ ทั้งผู้ประกอบการการท่องเที่ยว ธุรกิจโรงแรม ร้านค้าปลีก และเมืองหลักเมืองรอง รวมถึงการใช้ประโยชน์จากดิจิทัล รวมถึงเร่งปรับปรุงกฎหมาย และวิธีการปฏิบัติต่างๆ ที่ยังล้าสมัย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รายได้จากการท่องเที่ยวมีสัดส่วนเกิน 20% ของจีดีพี ซึ่งมาจากหลายภาคส่วน และยังมีบางส่วนที่มีปัญหา เช่น สถานประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ผิดกฏหมาย จึงต้องแก้ไขด้วยการใช้กฎหมาย และจะเร่งแก้ไขปัญหาตามที่ภาคธุรกิจร้องขอมาให้ได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ ขณะเดียวกันก็ต้องทำแผนแม่บทการท่องเที่ยว ที่ต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ปี 60-64 รวมถึงแผนของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
พร้อมเสนอแนวคิดการจัดมหกรรมดนตรี โดยดึงเอานักดนตรีที่มีชื่อเสียงระดับโลกมาจัดในสถานที่ที่สำคัญสวยงามของไทย น่าจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวได้
"มาตรการและแนวทางต่างๆที่หารือกับภาคเอกชน มุ่งหวังให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปี 2563 ซึ่งช่วงปลายปีจนถึงเดือนมกราคม ปี 2563 ถือเป็นช่วงไฮซีซั่นที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องหาแนวทางเพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวกันมากขึ้น ไทยจึงต้องปรับตัวให้ทันต่อโลก แต่ยอมรับว่ามีหลายอย่างที่ไทยยังไม่สามารถทำได้เหมือนประเทศอื่นๆ และจำเป็นต้องเร่งแก้ไข พร้อมตั้งข้อสังเกตุว่าส่วนหนึ่งที่เป็นปัจจัยให้แก้ปัญหาไม่ได้คือ ความขัดแย้ง" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกลิน สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการท่องเที่ยวตามที่ภาคเอกชนเสนอ เพื่อขับเคลื่อนโปรโมทการท่องเที่ยว ให้เกิดการประจายรายได้ให้กับชุมชนให้มากขึ้น
พร้อมกันนี้ ได้ขอให้ทางรัฐบาลพิจารณาลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันของการสายการบิน ที่เพิ่มขึ้นมาถึง 23% รวมถึงเพิ่มจุดคืนภาษีนักท่องเที่ยวนอกสนามบิน โดยอยากให้มีการกระจายไปทั่วกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด