นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้เรียกประชุมผู้บริหารกระทรวงการคลังเพื่อติดตามภาพรวมเศรษฐกิจ ร่วมกับ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ซึ่งชี้แจงว่าเศรษฐกิจไทยขณะนี้เกิดจากเศรษฐกิจโลกที่ไม่ดี จึงสั่งการ รมว.คลังเตรียมมาตรการกระตุ้นในปี 2563 ไว้รองรับ ในกรณีที่เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวขึ้นมา เพราะจะหวังพึ่งการส่งออกไม่ได้มาก
"ยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยซบเซา แต่ก็ไม่ใช่ภาวะฟองสบู่แตก หรือวิกฤตเศรษฐกิจ"
อย่างไรก็ดี ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณแรงส่งการบริโภคตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค.2562 ที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น เป็นผลมาตรการ"ชิม ช้อป ใช้" ซึ่งผลของมาตรการจะยังไม่ส่งผลให้เห็นในไตรมาส 3/2562
พร้อมติงกรณีการเสนอข่าวรายงานเรื่อง "ความเสี่ยงระดับภูมิภาคในการประกอบธุรกิจ (Regional Risk of Doing Business 2019) ที่จัดทำโดยสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ที่ระบุความเสี่ยงในการทำธุรกิจในประเทศไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.เศรษฐกิจฟองสบู่ 2.ความล้มเหลวของรัฐบาล 3.การโจมตีทางไซเบอร์ 4.ภัยพิบัติทางธรรมชาติและโดยมนุษย์ และ 5.ความไม่มั่นคงทางสังคม เป็นการเสนอคลาดเคลื่อน บิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง
"อยากให้ระวังการเสนอข่าว เพราะมีความเปราะบางและบางเรื่องเป็นสิ่งที่กระทบความเชื่อมั่นทั้งการบริโภค และการลงทุน เราอาจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจภายนอกก็ต้องช่วยกันฟันฝ่า แต่พอมาเจอแบบนี้ความเชื่อมั่นก็จะไม่ดีขึ้น และที่ทำงานมาจะได้อะไร และตอนนี้ต่างชาติสนใจมาลงทุนไทย หากนำเสนอข่าวแบบนี้ฝรั่งถอดใจไปจะทำอย่างไร"นายสมคิด กล่าว
นอกจากนี้ นายสมคิด ยังได้กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมมีแนวคิดให้นำเงินจากกองทุนประกันสังคม (สปส.) มาปล่อยกู้เพื่อการลงทุน หรือ เพื่อใช้จ่ายจำเป็นว่า เป็นแนวคิดที่เคยพิจารณามาแล้วในอดีต ซึ่งการปฏิบัติจริงนั้นจะต้องดูถึงความเหมาะสมในการเข้าไปลงทุนต่างๆ โดยไม่ได้คำนึงถึงผลตอบแทนเพียงอย่างเดียว