ธปท.เผย Q3/62 สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์โต 3.8% ชะลอลงจาก 4.2% ใน Q2/62, NPL ขยับขึ้นเล็กน้อย

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 18, 2019 14:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธาริฑธิ์ ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตรวจสอบและวิเคราะห์ความเสี่ยงสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 3/62 เติบโต 3.8% ลดลงต่อเนื่องจาก 4.2% ในไตรมาสก่อน เป็นผลจาก การชะลอตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของสินเชื่อและคุณภาพสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะลูกหนี้ธุรกิจ SME ขนาดกลางและขนาดเล็ก

ทั้งนี้ สินเชื่อธุรกิจ (คิดเป็น 64.7% ของสินเชื่อรวม) ขยายตัว 1.3% โดยสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ (ไม่รวมธุรกิจการเงิน) ขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 2.2% ในไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 2.6% แม้ว่าลูกหนี้ธุรกิจขนาดใหญ่บางรายนำเงินจากการออกหุ้นกู้มาทยอยชำระหนี้ สินเชื่อธุรกิจ SME (ไม่รวมธุรกิจการเงิน) หดตัว 1.0% จากที่ขยายตัว 0.1% ในไตรมาสก่อน โดยสินเชื่อลดลงในธุรกิจ SME ทั้งขนาดกลางและขนาดเล็ก

สินเชื่ออุปโภคบริโภค (คิดเป็น 35.3% ของสินเชื่อรวม) ยังคงเติบโตในระดับสูง แม้อัตราการเติบโตจะลดลงจาก 9.2% ในไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 8.7% โดยหลักเป็นผลจากสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เติบโตลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 หลังมีการเร่งปล่อยสินเชื่อในช่วงก่อนมาตรการ LTV มีผลบังคับใช้ และสินเชื่อรถยนต์ที่เติบโตลดลงตามยอดขายรถยนต์ที่ชะลอตัวลง ทั้งนี้ สินเชื่อสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อบัตรเครดิตขยายตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่คุณภาพสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ในภาพรวมมีสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan: NPL) ต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นจาก 2.95% เป็น 3.01% โดยยอดคงค้าง NPL อยู่ที่ 469.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 19 พันล้านบาท จากลูกหนี้รายใหญ่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ และสินเชื่อ SME เป็นสำคัญ ในขณะที่ยอดคงค้าง NPL ของสินเชื่อที่อยู่อาศัยและรถยนต์ยังเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ สัดส่วนสินเชื่อที่กล่าวถึงเป็นพิเศษ (Special Mention: SM) ลดลงจาก 2.74% ในไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 2.59% เนื่องจากลูกหนี้รายใหญ่บางรายถูกเปลี่ยนการจัดชั้นเป็น NPL

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ ไตรมาส 3/62 มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ โดยมีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองเพิ่มขึ้น สามารถรองรับความท้าทายจากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจได้ โดยมีเงินกองทุนทั้งสิ้น 2,738 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการจัดสรรกำไรเข้าเป็นเงินกองทุนและการออกตราสารหนี้ด้อยสิทธิของธนาคารพาณิชย์ไทยบางแห่ง ส่งผลให้อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 19.2% และมีเงินสำรองเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 9.9 พันล้านบาท มาอยู่ที่ 690.5 พันล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนเงินสำรองที่มีต่อเงินสำรองพึงกันเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 196.3% เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ ด้านอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับกระแสเงินสดที่อาจไหลออกในภาวะวิกฤต (Liquidity Coverage Ratio: LCR) อยู่ในระดับสูงที่ 185.0%

สำหรับในไตรมาส 3/62 ระบบธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิ 96.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน จากรายได้พิเศษจากการขายเงินลงทุนของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งเป็นสำคัญ ส่งผลให้ภาพรวมกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกของปี 62 อยู่ที่ 214.4 พันล้านบาท

หากตัดรายการพิเศษ กำไรสุทธิในไตรมาสนี้ยังคงเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิตามการเติบโตของสินเชื่อรายย่อย รายได้จากเงินปันผล และรายได้ค่าธรรมเนียมจากค่านายหน้าค้าหลักทรัพย์และขายประกัน ขณะที่ค่าใช้จ่ายสำรองเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับสินเชื่อด้อยคุณภาพและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ

โดยอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Return on Asset: ROA) เพิ่มขึ้นจาก 1.26% ในไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 1.98% (หากหักรายการพิเศษจากการขายเงินลงทุนของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งออก ROA จะลดลงมาอยู่ที่ 1.11%) ขณะที่อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ดอกเบี้ยเฉลี่ย (Net Interest Margin : NIM) ทรงตัวที่ 2.74%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ