"บุช"ยอมรับเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในช่วงชะลอตัว ยืนยันยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย

          ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐ เปิดเผยว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังอยู่ในช่วงชะลอตัว แต่ยังไม่เลวร้ายถึงขั้นเข้าสู่ภาวะถดถอย
          "ผมคิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย แต่แน่นอนว่าเศรษฐกิจของเรากำลังอยู่ในช่วงชะลอตัว ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้รัฐบาลต้องรับมือกับภาวะดังกล่าวด้วยการสร้างแรงจูงใจเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่ากว่า 1.50 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเงินจำนวนนี้กำลังจะถูกส่งถึงยังมือของชาวสหรัฐ และเงินบางส่วนจะนำไปใช้ในการจูงใจให้เกิดการลงทุนในภาคธุรกิจ ซึ่งจะช่วยทำให้เกิดการสร้างงานใหม่ๆมากขึ้น"บุชกล่าวในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว         
          โดยเงินจูงใจด้านเศรษฐกิจที่บุชกล่าวถึงนั้นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่รัฐบาลพยายามใช้เพื่อป้องกันมิให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
          ทั้งนี้ งบประมาณจำนวน 1.68 แสนล้านดอลลาร์นั้นจะแบ่งเป็นเงินคืนเงินภาษีให้กับประชาชนหลายล้านคนในวงเงินตั้งแต่ 300-1,200 ดอลลาร์และรวมถึงเงินลดหย่อนภาษีแก่ภาคธุรกิจ ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสและได้รับการลงนามจากประธานาธิบดีให้มีผลบังคับใช้ในไปเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา
          บุชกล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการใช้มาตรการโอบอุ้มเศรษฐกิจในครั้งนี้มีขึ้นเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งรัฐบาลจะเริ่มดำเนินการส่งเช็คคืนเงินภาษีในช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือนพ.ค.
          "การใช้จ่ายผู้บริโภคเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการขยายตัวของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) และเราต้องการที่จะกระตุ้นการบริโภค ควบคู่ไปกับการกระตุ้นภาคการลงทุนมากขึ้น" บุชกล่าว          
          สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เศรษฐกิจสหรัฐทรุดตัวลงอย่างหนักอันเป็นผลสืบเนื่องจากวิกฤตการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดสินเชื่อที่เป็นผลพวงจากปัญหาในตลาดปล่อยกู้จำนองให้ลูกหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ (ซับไพรม์)           
          ทั้งนี้ รายงานจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวขึ้นเพียง 0.6% ซึ่งร่วงลงอย่างหนักจากระดับ 4.9% ในไตรมาสก่อนหน้านี้