ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียร่วงลงถ้วนหน้าในช่วงเช้าวันนี้ (29 ก.พ.) เพราะได้รับปัจจัยลบจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ดิ่งลงเมื่อคืน ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐที่กำลังชะลอตัวลง ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง และวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะคลี่คลายลง
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดเช้าร่วงลง 354.19 จุด หรือ 2.5% แตะที่ระดับ 13,571.32 จุด หลังจากดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดที่ 13,533.25 จุด ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งเปิดร่วง 364.86 จุด หรือ 1.48% แตะ 24,226.83 จุด และดัชนีสเตรทส์ไทม์ปรับลดลง 38.10 จุด หรือ 1.2% แตะ 3,036.05 จุด
เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินของสภาคองเกรสสหรัฐว่า แม้ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์สินเชื่อ แต่มีธนาคารอีกหลายแห่งที่เสี่ยงจะล้มละลาย โดยนับตั้งแต่ฤดูร้อนที่ผ่านมา มีธนาคารพาณิชย์ล้มละลายไปแล้ว 3 แห่ง เนื่องจากขาดทุนในตลาดปล่อยกู้จำนอง
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ได้อยู่ในระยะ Stagflation (ภาวะที่เศรษฐกิจถดถอยแต่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น) เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1970
จูเลียนา รอดลีย์ นักวิเคราะห์จากบริษัทคอมเซ็คในกรุงซิดนีย์กล่าวว่า "แถลงการณ์ของเบอร์นันเก้ได้ฉุดดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลง 112.10 จุด หรือ 0.88% แตะระดับ 12,582.18 จุดเมื่อคืนนี้ และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียดิ่งลงอย่างหนักในช่วงเช้าวันนี้"
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาดหุ้นในเอเชียยังร่วงลงเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยเมื่อคืนนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2550 ขยายตัวขึ้นเพียง 0.6% หลังจากขยายตัวแข็งแกร่งที่ 4.9% ในไตรมาส 3 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ประมาณการไว้ว่าจะขยายตัว 0.8% ส่วนจีดีพีตลอดปี 2550 ขยายตัวเพียง 2.2% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่ปี 2545
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขชาวสหรัฐที่เข้าขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ที่แล้ว พุ่งขึ้น 19,000 คน แตะระดับ 373,000 คน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนม.ค.เป็นต้นมา
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--