"เดลล์" เผยเศรษฐกิจชะลอตัวกระทบกำไรไตรมาส 4 ร่วง 6.4%

          เดลล์ อิงค์ (Dell Inc.) บริษัทผลิตคอมพิวเตอร์ชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า ผลกำไรไตรมาส 4 ร่วงลงกว่า 6.4% ซึ่งไม่สอดคล้องกับที่ตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ นอกจากนั้นบริษัทยังแสดงความวิตกว่าการที่ผู้บริโภคสหรัฐมีความรอบคอบในการใช้จ่ายมากขึ้น รวมถึงต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทด้วย
          การที่เดลล์ต้องพึ่งพาเศรษฐกิจสหรัฐมากกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ อย่างเช่น ฮิวเล็ตต์-แพคการ์ด ซึ่งแซงหน้าเดลล์และครองตำแหน่งผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ที่สุดของโลกในปี 2549 อาจส่งผลให้บริษัทเจอปัญหาหนักได้
          "ผมไม่แปลกใจเลยถ้ายอดขายคอมพิวเตอร์ในสหรัฐจะต่ำกว่าภูมิภาคอื่นๆทั่วโลกใน 2-3 ไตรมาสต่อจากนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐกำลังอยู่ในภาวะชะลอตัวอย่างหนัก" ไมเคิล เดลล์ ซีอีโอของบริษัทกล่าว
          เดลล์ เปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้ 679 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 31 เซนต์ต่อหุ้นในไตรมาส 4 สิ้นสุดวันที่ 1 ก.พ. ลดลงจาก 726 ล้านดอลลาร์ หรือ 32 เซนต์ต่อหุ้น ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า น้อยกว่าผลสำรวจของสำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 36 เซนต์ต่อหุ้น 
          โดนัลด์ คาร์ธี หัวหน้าฝ่ายการเงินของบริษัทกล่าวว่า บริษัทได้กระตุ้นยอดขายของคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คและยอดขายในตลาดใหม่ต่างๆ แต่ก็ตระหนักดีว่ายอดขายในสหรัฐกำลังชะลอตัวลงเล็กน้อย
          ก่อนหน้านี้เดลล์จะใช้วิธีการขายคอมพิวเตอร์โดยตรงให้กับบริษัทห้างร้านหรือลูกค้าทั่วไป แต่ในระยะหลังทางบริษัทเริ่มขายคอมพิวเตอร์ผ่านร้านค้าปลีกชั้นนำต่างๆ อาทิ Best Buy Co., Wal-Mart Stores Inc. และ Staples Inc.
          นายคาร์ธีกล่าวว่า การขายคอมพิวเตอร์ผ่านร้านค้าอย่าง Best Buy ยังไม่ส่งผลให้เห็นชัดเจนนักในไตรมาส 4 แต่จะเริ่มเห็นผลกำไรเป็นรูปเป็นร่างในไตรมาสปัจจุบันซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนเม.ย.นี้  
          ทั้งนี้ เดลล์จำหน่ายคอมพิวเตอร์ในร้านค้าปลีกราว 10,000 แห่ง ในขณะที่ HP จำหน่ายคอมพิวเตอร์ในร้านค้าปลีกกว่า 80,000 แห่ง สำนักข่าวเอพีรายงาน