นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยในงานสัมมนา "EEC NEXT : ทุนไทย-เทศ ปักหมุด"ว่า รัฐบาลเตรียมเดินหน้าดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งภาครัฐมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนงานและทำแพ็คเกจที่เหมาะสมเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาให้เข้ามาลงทุนในพื้นที่ EEC มากขึ้น โดยมีกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สนใจให้เข้ามาลงทุนในพื้นที่ EEC ที่หลากหลาย โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะเข้ามาช่วยต่อยอดกับภาคอุตสาหกรรมของไทย เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะมีผู้ประกอบการค่ายรถยนต์ต่างชาติที่มีโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศไทยอยู่แล้ว ขยายการลงทุนโรงงานผลิตเพิ่มเติมในพื้นที่ EEC เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสภาพแวดล้อม ยังเป็นหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ภาครัฐให้ความสนใจ เช่น อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบำบัดของเสีย ที่จะนำของเสียเหลือทิ้งในอุตสาหกรรมนำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ อีกทั้งอุตสาหกรรมทางการแพทย์สมัยใหม่ ก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่ภาครัฐมีความสนใจ เพราะสามารถนำมาพัฒนาศักยภาพและพัฒนาเทคโนโลยีของการแพทย์ไทยให้ก้าวหน้าและดียิ่งขึ้นได้ เพื่อตอบโจทย์การเป็น Medical Hub ของประเทศไทย
นอกจากนี้ พื้นที่ EEC จะต้องมีการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางทางการเงิน เพื่อทำให้การทำธุรกรรมต่างๆ ของนักลงทุนต่างชาติเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว และรองรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งจะมีการดึงดูดให้สถาบันทางการเงินชั้นนำจากต่างชาติเข้ามาตั้งสาขาหรือสำนักงานในพื้นที่ EEC เพื่ออำนวยความสะดวกต่อนักลงทุนต่างชาติในการทำธุรกรรมต่างๆ โดยปัจจุบันมีสถาบันการเงินจากยุโรป และญี่ปุ่น ที่สนใจเข้ามาตั้งสาขาและสำนักงานในพื้นที่ EEC แล้ว
สำหรับประโยชน์ของการผลักดันโครงการพัฒนาพื้นที่ EEC จะช่วยให้มีเม็ดเงินจากต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น ทำให้เกิดการลงทุนต่างๆ ที่เป็นการลงทุนจากภาครัฐและเอกชน เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้น และเกิดการกระจายรายได้ พร้อมกับช่วยพัฒนาศักยภาพของภาคอุตสาหกรรมไทย และเพิ่มความสามารถของแรงงานไทยให้มีทักษะสูงขึ้น และทำให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น โดยที่ภาครัฐอยู่ระหว่างการจัดทำงบประมาณในการลงทุนและการสนับสนุนการลงทุนใน EEC
รมว.คลัง ยังกล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ว่า กระทรวงการคลังยังอยู่ระหว่างการพิจารณารูปแบบ ซึ่งจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มเติม และจะกระจายไปหลากหลายกลุ่มจากที่ได้ออกมาตรการชิมช้อปใช้ และการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ออกไปแล้ว โดยอยู่ระหว่างการพิจารณารูปแบบของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบใดจะเหมาะสม ซึ่งเมื่อดำเนินการไปแล้วจะต้องเกิดผลดีต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจในภาพรวมสามารถขับเคลื่อนไปได้ ซึ่งหากพิจารณาแล้วเหมาะสมก็จะนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาก่อนสิ้นปีนี้