นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมและรับฟังนโยบายด้านเศรษฐกิจการปฏิบัติราชการของรัฐบาล ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) โดยระบุว่า กระทรวงดิจิทัลฯ ถือเป็นอีกหน่วยงานสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยขอให้ต่อยอดโครงการสำคัญที่ได้ทำมาแล้ว เช่น โครงการเน็ตประชารัฐ ที่ควรเปิดโอกาสให้ผู้ให้บริการได้เข้ามามีส่วนขยายการให้บริการกับประชาชน, การส่งเสริมสตาร์ทอัพให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง มีสตาร์ทอัพที่เติบโตทั้งจำนวนและคุณภาพ ซึ่งต้องส่งเสริมการพัฒนาคนทั้งในระยบการศึกษาและนอกระบบ, การพัฒนาโครงการเครือข่ายใยแก้วนำแสงทั้งบนดินไปประเทศจีน และเครื่อข่ายใต้น้ำที่ บมจ. กสท โทรคมนาคม ดำเนินการอยู่, การพัฒนาดิจิทัลพาร์ค ที่ควรมีเงื่อนไขข้อชักชวนการลงทุนจากต่างประเทศที่มีความน่าสนใจเพื่อดึงดูดนักลงทุนเข้ามาลงทุน และการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ ที่เน้นไปที่เมืองใหม่
"สำหรับเรื่อง 5G กสทช.ได้ยืนยันแล้วว่า ไม่เกินครึ่งปีหน้าจะมีความชัดเจน 5G จะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
ด้านนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลฯ กล่าวว่า มีความตั้งใจและเตรียมพร้อมในการทำงานตามนโยบายของรัฐบาลด้านเศรษฐกิจ โดยได้มีการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่ทันสมัยให้ครอบคลุมทั่วถึงทั้งประเทศ รวมถึงได้วางโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและนวัตกรรมดิจิทัล และเพื่อดึงดูดการลงทุนด้านดิจิทัล ตลอดจนได้เร่งรัดให้เกิดการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล การใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อมุ่งสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล ช่วยเพิ่มรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มฐานราก เกษตรกรผู้มีรายได้น้อย คนด้อยโอกาสในพื้นที่ห่างไกล
สำหรับการทำ 5G ในส่วนของการจัดประมูล กสทช. ได้ดำเนินการอยู่ ส่วนการจะนำคลื่นย่าน 3500 เมกะเฮิรตซ์ จาก บมจ.ไทยคม (THCOM) มาประมูลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับหาข้อสรุปเรื่องการเยียวยาไทยคมและผู้ใช้บริการได้ทันหรือไม่