"วอร์เนอร์ บราเธอร์ส"ประกาศควบ"นิวไลน์ ซีเนมา"มุ่งลดต้นทุน-กระตุ้นกำไร

          บริษัทไทม์ วอร์เนอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่แห่งวงการสื่อ เปิดเผยว่า บริษัทวอร์เนอร์ บราเธอร์ส เอนเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ จะควบรวมกิจการกับบริษัทในเครืออีกแห่งคือ นิวไลน์ ซีเนม่า ซึ่งเป็นค่ายหนังอิสระผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ไตรภาคเรื่อง "The Lord of the Rings"
          โรเบิร์ต เชย์ ผู้ก่อตั้งบริษัทนิวไลน์ และไมเคิล ลิน ผู้บริหารของนิวไลน์ กล่าวในแถลงการณ์ร่วมกันว่า "นิวไลน์เป็นทั้งที่ทำงานและบ้านหลังที่สองของเรา แม้เรารู้สึกเศร้าใจที่ต้องปล่อยสตูดิโออายุ 40 ปีแห่งนี้ไป แต่เราก็ภาคภูมิใจที่ได้เห็นการเติบโตของสตูดิโอแห่งนี้มาตั้งแต่ต้น"
          ขณะที่ไทม์ วอร์เนอร์กล่าวว่า "แผนกพัฒนาการผลิต การผลิต และการตลาดของนิวไลน์จะยังคงมีอยู่ แต่แผนกเหล่านี้จะผนวกรวมกับแผนกของบริษัทแม่รายใหม่ เพื่อลดต้นทุนและพัฒนาประสิทธิภาพในการทำกำไร นอกจากนี้ การเป็นพันธมิตรร่วมกันระหว่างนิวไลน์และวอร์เนอร์ จะช่วยให้ทั้งสองบริษัทร่วมมือกันในการจัดจำหน่ายภาพยนตร์ และทำให้นิวไลน์ได้ประโยชน์จากสัญญาระหว่างประเทศและสัญญาจัดจำหน่ายแผ่นซีดีภาพยนตร์ของวอร์เนอร์ บราเธอร์ส"
          ก่อนหน้านี้นิวไลน์สูญเสียโอกาสในการทำรายได้ไปหลายครั้ง ตัวอย่างเช่น ภาพยนตร์เรื่อง "The Golden Compass" ซึ่งนิวไลน์เป็นผู้จัดจำหน่ายนั้น ทำรายได้ภายในประเทศ 70 ล้านดอลลาร์หลังจากออกฉายจนถึงวันที่ 24 ก.พ. แต่กลับทำรายได้ในต่างประเทศได้ 261 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนิวไลน์มองว่ารายได้ดังกล่าวไม่ค่อยสู้ดีนักเพราะต้องขายลิขสิทธิ์ในการจัดจำหนายให้กับบริษัทอื่นๆอีกหลายแห่ง
          โฮเวิร์ด โวเกล นักวิเคราะห์ในแวดวงสื่อกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของนิวไลน์เป็นการดำเนินการที่ไม่ซับซ้อนเพื่อกระตุ้นประสิทธิภาพในการทำกำไร 
          นิวไลน์มีภาพยนตร์ที่จ่อคิวฉายและคาดว่าจะเป็นภาพยนตร์ยอดฮิตอีกหลายเรื่อง อาทิ "The Hobbit" ภาพยนตร์ภาคต่อของชุด "The Lord of the Rings" มีกำหนดออกฉายในปี 2553 และ "Sex and the City: The Movie" ที่เตรียมออกฉายในเดือนพ.ค.ปีนี้
          ส่วนภาพยนตร์ภายใต้การผลิตและจัดจำหน่ายของวอร์เนอร์ บราเธอร์ส ได้แก่ "Harry Potter", "Sweeney Todd: The Demon Barber of Fleet Street" และ "I Am Legend" 
          สำหรับบริษัทอื่นๆ ในเครือไทม์ วอร์เนอร์ ได้แก่ เอโอแอล, ไทม์ อิงค์, ไทม์ วอร์เนอร์ เคเบิล, โฮม บ็อกซ์ออฟฟิศ, เทอร์เนอร์ บรอดแคสติ้ง ซิสเต็ม และวอร์เนอร์ บราเธอร์ส เอนเตอร์เทนเมนท์ สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน