นางอมรา ศรีพยัคฆ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวว่า ขณะนี้ปัจจัยหลายอย่างเอื้อต่อการยกเลิกมาตรการสำรอง 30% เงินทุนนำเข้าระยะสั้นแล้ว โดยเฉพาะเศรษฐกิจไทยมีโมเมนตั้มที่จะขยายตัวต่อไปได้ จากครั้งก่อนที่เคยประเมินว่ามีความเปราะบาง
ประกอบกับ นโยบายของภาครัฐที่กำลังจะมีมาตรการต่างๆ ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีก โดยเฉพาะในด้านการลงทุนที่จะทำให้ความต้องการเงินดอลลาร์และเงินบาทมีความสมดุลกันก็จะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงไปได้ รวมทั้งมีมาตรการสนับสนุนการนำเงินออกไปลงทุนต่างประเทศ(outflow)
อย่างไรก็ตาม ธปท.ยังอยู่ระหว่างการรอดูจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการยกเลิกมาตรการ 30% ดังกล่าว โดยเฉพาะผลทางด้านจิตวิทยาที่เป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้มีการตื่นตระหนกและเทขายดอลลาร์ ซึ่งทำให้บาทแข็งค่าอย่างมากในช่วงก่อนหน้านี้
"เรื่อง 30% ทุกอย่างพร้อม เหลือแต่ปัจจัยทางด้านจิตวิทยาเท่านั้น" นางอมรา กล่าว
นางอมรา กล่าวว่า ทางการได้ส่งเสริมให้มีการนำเงินออกไปลงทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 50 มีเงินที่ไหลออกไปลงทุนต่างประเทศถึง 8,376 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะไปลงทุนในตลาดตราสารหนี้และผ่านกองทุนต่างประเทศ ซึ่งสูงขึ้นกว่า 7 เท่าจากปี 49 ที่มียอดเพียง 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่แนวโน้มการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยจะลดน้อยลง เพราะคาดว่าจะมีการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
นางอมรา กล่าวว่า ผู้ว่า ธปท.ย้ำมาตลอดเวลาว่ามาตรการ 30% เป็นเพียงมาตรการชั่วคราว ซึ่ง ธปท.ก็ศึกษามาตรการหลายอย่างที่จะนำมาใช้รองรับสถานการณ์ โดยดูตัวอย่างจากในต่างประเทศประกอบด้วย
ส่วนจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อดูแลค่าเงินบาทหรือไม่นั้น นางอมรา กล่าวว่า เวลานี้แรงกดดันเงินเฟ้อยังมีสูงอยู่จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูง ซึ่งนโยบายการเงินมีการผ่อนคลายไปมากแล้ว และขณะนี้อัตราดอกเบี้ยไทยของไทยก็ต่ำสุดในภูมิภาคนี้ไม่น่าจะมีปัญหาทำให้มีเงินไหลเข้า
ธปท.ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของไทยติดลบ 0.5% ขณะที่เทียบอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่ยังเป็นบวก 0.25% มาเลเซียบวก 0.6% เกาหลีบวก 1.9 และจีนบวก 3%
--อินโฟเควสท์ โดย ธปฦ/ศศิธร/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--