นางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ในเดือนต.ค.62 มียอดธุรกิจจัดตั้งใหม่อยู่ที่ 5,751 ราย ลดลง 1,203 ราย หรือคิดเป็น 17% เมื่อเทียบกับเดือน ก.ย.62 ที่มีจำนวน 6,954 ราย และลดลงจำนวน 446 ราย หรือคิดเป็น 7% เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.61 ที่มีจำนวน 6,197 ราย
สำหรับประเภทธุรกิจที่จัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไปจำนวน 524 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จำนวน 323 ราย คิดเป็น 6% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร จำนวน 193 ราย คิดเป็น 3% ขณะที่มูลค่าทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่มีจำนวนทั้งสิ้น 98,509 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 70,194 ล้านบาท คิดเป็น 2.48 เท่า เมื่อเทียบกับเดือน ก.ย.62 ที่มีจำนวน 28,315 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นจำนวน 78,547 ล้านบาท คิดเป็น 3.93 เท่า เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.61 ที่มีจำนวน 19,962 ล้านบาท
ทั้งนี้ ส่งผลให้จำนวนธุรกิจตั้งใหม่สะสมตั้งแต่เดือน ม.ค.-ต.ค.62 มีจำนวน 63,359 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 891 ราย หรือคิดเป็น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของก่อนที่มีจำนวน 62,468 ราย นับเป็นการตั้งธุรกิจสะสม 10 เดือนแรกสูงที่สุด สำหรับมูลค่าทุนจดทะเบียนธุรกิจตั้งใหม่สะสมตั้งแต่เดือน ม.ค.-ต.ค.62 มีจำนวน 284,618 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24,170 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกับของปีก่อนที่มีจำนวน 260,448 ล้านบาท
ขณะที่มีธุรกิจเลิกประกอบกิจการในเดือน ต.ค.62 จำนวน 2,116 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 178 ราย คิดเป็น 9% เมื่อเทียบกับเดือน ก.ย.62 ที่มีจำนวน 1,938 ราย แต่ลดลงจำนวน 50 ราย หรือคิดเป็น 2% เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.61 ที่มีจำนวน 2,166 ราย โดยประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 180 ราย คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 135 ราย คิดเป็น 6% และธุรกิจภัตตาคาร / ร้านอาหาร จำนวน 64 ราย คิดเป็น 3% ตามลำดับ ขณะที่มูลค่าทุนธุรกิจเลิกประกอบกิจการมีจำนวนทั้งสิ้น 8,050 ล้านบาท ลดลงจำนวน 7,311 ล้านบาท คิดเป็น 48% เมื่อเทียบกับเดือน ก.ย.62 ที่มีจำนวน 15,361 ล้านบาท และลดลงจำนวน 2,038 ล้านบาท คิดเป็น 20% เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.61 ที่มีจำนวน 10,088 ล้านบาท
โดยจำนวนธุรกิจเลิกสะสมตั้งแต่เดือน ม.ค.-ต.ค.62 มีจำนวน 14,070 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 288 ราย คิดเป็น 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 13,782 ราย สำหรับมูลค่าทุนจดทะเบียนธุรกิจเลิกสะสมมีจำนวน 82,959 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,550 ล้านบาท คิดเป็น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 72,409 ล้านบาท
ปัจจุบันมีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ ณ วันที่ 31 ต.ค.62 จำนวน 746,504 ราย มูลค่าทุน 18.18 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลจำนวน 184,539 ราย คิดเป็น 24.72% บริษัทจำกัด จำนวน 560,708 ราย คิดเป็น 75.11% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,257 ราย คิดเป็น 0.17%
นางโสรดา กล่าวถึงแนวโน้มของการจัดตั้งธุรกิจ เมื่อประเมินจากสถานการณ์การจดทะเบียนและสภาพเศรษฐกิจ คาดว่าในปี 2562 จะมีสถิติการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลจากจำนวนการจัดตั้งธุรกิจสะสม 10 เดือนแรกของปี 2562 (ม.ค.-ต.ค.) ที่มีการเติบโตจากปีที่ผ่านมา ผนวกกับสถิติค่าเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลังของการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของแต่ละปี (พ.ย.-ธ.ค.) มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็น 1.25% ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุด และธนาคารพาณิชย์ต่างประกาศลดอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินกู้และเงินฝากลง จะเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การบริโภค การลงทุนของภาคเอกชน ตลอดจนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจให้เพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน
สำหรับการลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าวในเดือน ต.ค.62 มีการอนุญาตให้ทั้งสิ้น 57 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 16 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ 41 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 66,239 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 17 ราย เงินลงทุนกว่า 10,378 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ จำนวน 8 ราย เงินลงทุน 1,108 ล้านบาท และฮ่องกง 6 ราย เงินลงทุน 1,855 ล้านบาท