นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลศึกษาภาพรวมการค้าของอาเซียน การค้าของจีนใน CLMV ที่มีผลกระทบต่อไทย โดยคาดว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือตั้งแต่ปี 63-67 สินค้าไทยจะถูกสินค้าจีนแย่งตลาด CLMV และมูลค่าส่งออกไทยในตลาดดังกล่าวหายไป 187,795 ล้านบาท หรือ 23.83% ของมูลค่าการส่งออกไทยไป CLMV
เนื่องจากจีนมีบทบาทและเป็นปัจจัยกระทบการค้าการส่งออกของอาเซียน รวมถึงไทย มาตลอด 15 ปี ทั้งก่อนเปิดเสรีการค้าในอาเซียน (AEC) และก่อนความตกลงการค้าเสรี (FTA) อาเซียน-จีน มีผลบังคับใช้ และยังคาดว่า ในปี 5 ปี สินค้าไทยจะถูกสินค้าจีนแย่งตลาดในตลาด CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม)
สำหรับในภาพรวมของการส่งออก เมื่อเปรียบเทียบในช่วง 15 ปี (47-61) พบว่า สัดส่วนการนำเข้าภายในตลาดอาเซียนมีทิศทางลดลง ขณะที่อาเซียนนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้น 7.5 เท่า คิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้น 277,009 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อาเซียน ส่งออกไปจีนเพิ่มขึ้น 4.1 เท่า คิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้น 194,530 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ขณะเดียวกันในอาเซียน 6 ประเทศ (ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และ บรูไน) มีสัดส่วนการนำเข้าจากตลาดอาเซียนลดลง โดยนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้น 5.9 เท่า คิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้น 181,636 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อาเซียน 6 ส่งออกไปจีนเพิ่มขึ้น 3.3 เท่า คิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้น 136,317 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
นายอัทธ์ กล่าวว่า ในกลุ่ม CLMV จีนมีส่วนแบ่งตลาดในเวียดนามมากที่สุด ตามด้วยลาว เมียนมา และกัมพูชา สำหรับสินค้าไทยที่เสี่ยงเสียส่วนแบ่งตลาดในเวียดนาม เช่น ด้าย ผ้าทอ ใยสังเคราะห์ ร็อกลอบสเตอร์และกุ้ง ไม้ แผงไม้ปูพื้น กระเบื้องไม้เหล็ก และส่วนประกอบ ข้าวโพด เครื่องหนัง เครื่องใช้สำหรับเดินทาง กระเป๋าถือ ชา กาแฟ และสินค้าอื่นๆที่มีความเสี่ยง เช่น แผ่นตะกั่ว เปลือกหม้อเก็บไฟฟ้า ผลไม้แห้ง เคมีภัณฑ์ เคมี คอนกรีต น้ำตาล มันสำปะหลัง แบตเตอรี่ ผลิตภัณฑ์จำพวกดอกไม้เพลิง ไม้ขีดไฟ
ขณะที่ในสปป.ลาว แม้ไทยมีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุด รองมาได้แก่ จีน และ เวียดนาม ตามลำดับ แต่สินค้าที่ไทยมีความเสี่ยงมากที่จะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดลาวให้กับจีนใน 5 ปีข้างหน้า คือ ของปรุงแต่งจากธัญพืช แป้ง ยางสังเคราะห์ ยางนอก น้ำตาล ผ้าห่มและผ้าคลุมตัว ดอกไม้เทียม ใบไม้เทียม ผลไม้เทียม พรมและสิ่งทอปูพื้น
ส่วนในเมียนมา ได้แก่ เครื่องดื่ม สุรา ซอสและผงสำหรับปรุงอาหาร ผลิตภัณฑ์จากเหล็กหรือเหล็กกล้า ผลิตภัณฑ์ปรุงแต่งจากธัญพืช แป้ง เครื่องแต่งกาย เมล็ดธัญพืช และสินค้าอื่นๆที่คาดว่าจะมีความเสี่ยง เช่น ยางใน และยางนอกสำหรับรถยนต์กระดาษและกระดาษแข็ง เครื่องมือ เครื่องใช้ ของใช้ชนิดมีคม ช้อนและส้อม ผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากปลา
สำหรับสินค้าที่ไทยมีความเสี่ยงมากที่จะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดกัมพูชาให้กับจีนใน 5 ปีข้างหน้า คือ น้ำตาล ปูนขาวและซีเมนต์ ผ้าสิ่งทอ สำหรับใช้ในอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ ที่น่าเป็นห่วงอีกประการคือ การเปิดเสรีภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ระหว่างอาเซียน และ 6 ประเทศคู่เจรจา คือ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ อาจทำให้จีนมีบทบาทในอาเซียนมากยิ่งขึ้น เกิดการทะลักของสินค้าจีนราคาถูกเข้าสู่ตลาดสมาชิกมากขึ้นอย่างที่อินเดียกังวล ซึ่งอาจจะทำให้ในอีก 5 ปีข้างหน้า ไทยอาจเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับจีนเพิ่มขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้อีกกว่า 1 เท่าตัว คิดเป็นมูลค่าเกือบ 400,000 ล้านบาท จากที่คาดการณ์ไว้ 187,795 ล้านบาท
นายอัทธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันจีนเข้ามาลงทุนใน CLMV มาก โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม หรือห้างสรรพสินค้า ดังนั้น หากไทยร่วมเป็นพันธมิตรด้วยการนำสินค้าของผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) ไทยไปวางจำหน่ายตามโรงแรม หรือห้างสรรพสินค้าของจีนใน CLMV จะเป็นโอกาสดีที่จะช่วยให้สินค้าไทยส่งออกได้เพิ่มขึ้น หรือแม้แต่ภาคบริการ ที่นักธุรกิจเริ่มเปิดกิจการนวดและสปากันมากขึ้น ก็จะเป็นโอกาสไทยที่จะส่งพนักงานที่มีความสามารถเข้าไปทำงานด้วย