นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า หลังเข้ารับตำแหน่งได้รับแจ้งข้อพิรุธกรณีการจ่ายเงินชดเชยโครงการโฮปเวลล์ 2.4 หมื่นล้านบาทนั้นไม่ถูกต้อง ตนเองจึงได้ตั้งคณะกรรมการศึกษาแล้วพบข้อพิรุธ 9 ข้อ ซึ่งได้รายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ และมอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมายดูแล ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงบประมาณ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เป็นต้น
สำหรับข้อพิรุธ 9 ข้อที่ตรวจพบ ได้แก่
1.วันที่ 6 ต.ค.32 พบรายละเอียดโครงการไม่ตรงตามมติ ครม.
2.วันที่ 16 ต.ค.32 พบการดำเนินการของคณะกรรมการฯรวดเร็วผิดปกติและให้สิทธิประโยชน์มากกว่าตามหลักการที่เป็นมติ ครม.
3.วันที่ 15 ม.ค.33 พบการแทรกแซงรายละเอียดโดย รมว.คมนาคมในขณะนั้น และคณะกรรการฯมีการเอื้อประโยชน์ให้โฮปเวลล์-ฮ่องกง
4.วันที่ 31 พ.ค.33 พบโฮปเวลล์-ฮ่องกงเสนอเงื่อนไขไม่ตรงตามประกาศของคณะกรรมการฯ
5.วันที่ 6 ก.ค.33 พบความผิดปกติในการร่างสัญญาสัมปทานและการลงนามในสัญญาสัมปทาน
6.ช่วงเดือน ส.ค.-พ.ย.33 พบการเอื้อประโยชน์การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด และหลีกเลี่ยงการใช้ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 281 (ปว.281) โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
7.วันที่ 9 พ.ย.33 การลงนามในสัญญาสัมปทานไม่เป็นไปตามมติ ครม.
8.วันที่ 4 ธ.ค.33 มีการรายงานเท็จต่อ ครม.
9.บริษัท โฮปเวลล์ฯ ไม่มีสิทธิได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานศึกษาปัญหาสัญญาโฮปเวลล์ ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิ มนุษยชน ที่มีนายปิยะบุตร แสงกนกกุล เป็นประธาน กล่าวว่า ผลการศึกษาพบพิรุธในสัญญาโครงการโฮปเวลล์หลายจุด เช่น การกระทำผิด พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่าวด้าว ซึ่งสามารถนำไปใช้ต่อสู้ทางคดีเพื่อไม่ให้รัฐต้องเสียผลประโยชน์เหมือนคดีคลองด่าน และเป็นข้อมูลที่สอดคล้องกับความเห็นของผู้เกี่ยวข้องที่เชิญมาชี้แจง ได้แก่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม, นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความภาคประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2532 และที่ผ่านมาไม่เคยมีการตรวจสอบเลย
"การพิจารณาร่วมกันครั้งนี้จะช่วยปกป้องผลประโยชน์ของบ้านเมือง...พบข้อพิรุธเหมือนคดีคลองด่าน" นายพีระพันธุ์ กล่าว
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า กมธ.เองคงไม่สามารถไปดำเนินการอะไรได้ นอกจากจะช่วยสนับสนุนข้อมูลในเรื่องนี้ให้ฝ่ายบริหารไปดำเนินการทางคดี