สมาคมแช่เยือกแข็ง เผยเตรียมเรียกประชุมด่วนเพื่อประเมินสถานการณ์ค่าบาทหลังธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ประกาศยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ด้านผู้ส่งออกข้าวชี้เงินทุนต่างชาติไหลเข้าระลอกใหม่ทำบาทแข็งกระทบยอดส่งออกไตรมาส 2 ตกฮวบ
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกสมาคมแช่เยือกแข็งไทย กล่าวว่า เตรียมประชุมด่วนเพื่อประเมินผลกระทบหลัง ธปท.ยกเลิกมาตรการกันสำรองเงินทุนต่างประเทศ 30% ซึ่งเบื้องต้นมองว่า หากเงินบาทแข็งค่ามากจะกระทบถึงเกษตรกร เพราะผู้ส่งออกต้องลดราคารับซื้อสินค้าเกษตรลง ทำให้เกษตรกรมีรายได้ลดลงตามไปด้วย
นอกจากนี้ สถานการณ์ค่าบาทที่ผันผวนทำให้การเสนอราคาทำได้ยาก เพราะไม่สามารถกำหนดราคาที่เหมาะสมได้ หากกำหนดราคาต่ำไปเมื่อเงินบาทแข็งค่าก็จะทำให้ผู้ส่งออกขาดทุน ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการได้ปรับตัวรับมือกับค่าเงินบาทในระดับ 33-34 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ด้วยการลดต้นทุนการผลิต เพิ่มมูลค่าสินค้า แต่หากเงินบาทแข็งค่าและผันผวนต่อเนื่องเช่นนี้จะทำให้การส่งออกได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่ใช้วัตถุดิบในประเทศสูง
ด้าน นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นหลังยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% มีความน่าเป็นห่วงมาก หาก ธปท.ไม่มีมาตรการอื่นมารองรับ เพราะจะทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น จากการที่เงินทุนต่างประเทศไหลเข้าไทยจำนวนมาก เพราะดอกเบี้ยของไทยยังมีความจูงใจ ซึ่งอาจเห็นค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์ และจะทำให้การส่งออกข้าวต้องเผชิญกับความยากลำบากจนทำให้ยอดส่งออกลดลงในไตรมาส 2 ปีนี้
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/ธนวัฏ/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--