นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ได้อนุญาตให้คนต่างชาติ 22 ราย ประกอบธุรกิจในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่มาจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีการนำเงินเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจกว่า 238 ล้านบาท และส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนไทย 391 คน รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุน
ทั้งนี้ ในเดือน พ.ย.62 จำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้น 6 รายจากเดือน ต.ค.62 หรือคิดเป็น 38% ในขณะที่เงินลงทุนลดลงจากเดือนที่ผ่านมา จำนวน 33 ล้านบาท คิดเป็น 12% เนื่องจากในเดือน ต.ค.62 มีผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง อาทิ บริการติดตั้ง ซ่อมแซมและบำรุงรักษาเตาหลอมอินดั๊กชั่น บริการออกแบบเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับใช้ในกระบวนการผลิตเครื่องยนต์ การทำกิจการนายหน้าประกันชีวิต และนายหน้าประกันวินาศภัย เป็นต้น
นายวุฒิไกร กล่าวว่า การอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในครั้งนี้ จะมีผลให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นวิทยาการ ซึ่งเป็นองค์ความรู้ในแขนงที่คนไทยยังไม่มีความชำนาญหรือมีความเชี่ยวชาญในระดับที่ไม่สูงมากนัก เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการควบคุมหลุมเจาะและความปลอดภัยนอกชายฝั่ง, องค์ความรู้เกี่ยวกับวิธีการซ่อมแซมและบำรุงรักษาเครื่องกังหันก๊าซและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง, องค์ความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบการทำงานของกล้องถ่ายรูปและกล้องส่องทางไกล, องค์ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการผลิตรถยนต์และการตรวจสอบคุณภาพการผลิตขั้นสูง, องค์ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในโครงการรถไฟฟ้า เป็นต้น
สำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาต ได้แก่ 1. ธุรกิจบริการให้แก่บริษัทในเครือ/ในกลุ่ม จำนวน 11 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และสวิตเซอร์แลนด์ มีเงินลงทุนจำนวน 71 ล้านบาท อาทิ บริการรับจ้างผลิตและประกอบรถยนต์ รวมทั้งชิ้นส่วนและส่วนประกอบของรถยนต์, บริการทดสอบผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์, บริการให้คำปรึกษาแนะนำ ทดสอบ และวิเคราะห์คุณสมบัติสารเคมีที่ใช้ในการผลิตโพลิเมอร์ และผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์, บริการทางบัญชี, บริการให้กู้ยืมเงิน 2. ธุรกิจนายหน้า/ค้าปลีก/ค้าส่ง จำนวน 4 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่นและไต้หวัน มีเงินลงทุนจำนวน 41 ล้านบาท ได้แก่ การทำกิจการตัวแทนเพื่อจัดหาตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศสำหรับการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์พืชประเภทผัก, การค้าส่งสินค้าประเภทกล้องถ่ายรูป กล้องส่องทางไกล และเลนส์, การค้าปลีกสินค้าประเภทคอมเพรสเซอร์ อุปกรณ์และอะไหล่, การค้าปลีกอุปกรณ์จับยึดที่ใช้ในการตรวจสอบแผ่นวงจรพิมพ์
3. คู่สัญญาเอกชน จำนวน 3 ราย โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ มีเงินลงทุนจำนวน 94 ล้านบาท ได้แก่ บริการซ่อมบำรุงรักษา รวมทั้งบริหารจัดการและประสานงานเกี่ยวกับพิธีการศุลกากรและการจัดส่งชิ้นส่วนและอะไหล่สำหรับซ่อมบำรุงเครื่องกังหันก๊าซ, บริการซ่อมบำรุง แก้ไขข้อขัดข้อง การตรวจสอบพื้นที่หลัก และการสนับสนุนทางเทคนิคในพื้นที่โรงไฟฟ้าถ่านหิน, บริการขุดเจาะปิโตรเลียม 4. คู่สัญญาช่วงรัฐวิสาหกิจ จำนวน 1 ราย โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศสิงคโปร์ มีเงินลงทุนจำนวน 14 ล้านบาท ได้แก่ บริการบำรุงรักษา จัดซื้อ จัดหา วัสดุชิ้นส่วน "ระบบประตูกั้นชานชาลา ระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติสำหรับโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายสีม่วง" 5. ธุรกิจบริการให้แก่ลูกค้า จำนวน 3 ราย โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศลิกเทนสไตน์ เนเธอร์แลนด์ และสวิตเซอร์แลนด์ มีเงินลงทุนจำนวน 18 ล้านบาท ได้แก่ บริการให้ใช้ช่วงสิทธิโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับการออกแบบในงานก่อสร้าง, บริการติดตั้ง ซ่อมแซม บำรุงรักษา ให้คำปรึกษาแนะนำและฝึกอบรมเกี่ยวกับสินค้าเครื่องสูบน้ำ, บริการให้เช่าพื้นที่อาคารบางส่วนพร้อมสาธารณูปโภค
นายวุฒิไกร กล่าวว่า ตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ย.62 คนต่างด้าวได้รับใบอนุญาต จำนวน 193 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 22,153 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปรากฏว่าจำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตลดลง 59 ราย คิดเป็น 23%
ขณะที่เงินลงทุนเพิ่มขึ้น 11,420 ล้านบาท คิดเป็น 106% เนื่องจากในปี 62 มีต่างชาติลงทุนประกอบธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง อาทิ บริการงานวิศวกรรม การจัดหา ติดตั้ง และทดสอบการใช้งานของระบบเครื่องบดดินหรือหินกึ่งเคลื่อนที่โครงการโรงไฟฟ้า, บริการออกแบบ จัดซื้อจัดหา ติดตั้ง ตรวจสอบ รวมทั้งการแก้ไขความชำรุดบกพร่องและบำรุงรักษาโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายสีน้ำเงิน, บริการออกแบบทางวิศวกรรม และบริหารจัดการโครงการปลดประจำการเรือผลิตและเก็บปิโตรเลียม, บริการติดตั้ง ตรวจสอบ ทดสอบระบบและให้การสนับสนุนทางเทคนิคดาวเทียมสำรวจทรัพยากร เป็นต้น